
เกลือหิมาลายันสีชมพู หรือที่เรียกว่าเกลือชมพู คือเกลือธรรมชาติสีชมพูที่ขุดพบใกล้เทือกเขาหิมาลัยในประเทศปากีสถาน หลายคนเชื่อว่าเกลือชนิดนี้มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนั้นเกลือหิมาลายันสีชมพูจึงมักถูกมองว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าเกลือแกงทั่วไป อย่างไรก็ตาม ยังมีการวิจัยเกี่ยวกับเกลือหิมาลายันสีชมพูในจำนวนที่น้อย และบางคนมองว่า ประโยชน์เหล่านี้อาจเป็นการคาดเดาที่เกินจริง บทความนี้จะพาไปดูความแตกต่างสำคัญระหว่างเกลือหิมาลายันสีชมพูกับเกลือแกงทั่วไปและประเมินหลักฐานเพื่อดูว่าเกลือแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่า
เกลือชมพูคืออะไร
เกลือหิมาลายันสีชมพู หรือเกลือชมพูที่สวยงาม ถูกขุดจากเหมืองเกลือคิวรา (Khewra Salt Mine) ที่ตั้งอยู่ใกล้เทือกเขาหิมาลัยในปากีสถาน เหมืองนี้ถือเป็นหนึ่งในเหมืองเกลือที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อว่าเกลือหิมาลายันสีชมพูที่ขุดจากเหมืองแห่งนี้ได้ก่อตัวขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว จากการระเหยของแหล่งน้ำโบราณ เกลือที่ได้จะถูกนำออกจากเหมืองด้วยมือและผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด ทำให้เกลือมีความบริสุทธิ์และไม่มีสารเติมแต่ง และหลายคนเชื่อว่าเกลือชนิดนี้เป็นธรรมชาติมากกว่าเกลือแกง ทั้งนี้ เกลือหิมาลายันสีชมพูส่วนใหญ่ประกอบด้วยโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) เช่นเดียวกับเกลือแกง
แม้กระบวนการเก็บเกี่ยวตามธรรมชาติจะทำให้เกลือหิมาลายันสีชมพูมีแร่ธาตุและสารอื่นๆ ที่พบไม่บ่อยในเกลือแกงทั่วไป บางรายงานกล่าวว่า เกลือชนิดนี้อาจมีแร่ธาตุมากถึง 84 ชนิด รวมถึงเหล็กที่เป็นตัวทำให้เกลือนี้มีสีชมพูอันเป็นเอกลักษณ์
ประโยชน์ของเกลือชมพู
เกลือชมพูไม่ใช่แค่เกลือที่ดูสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำมาใช้ในการปรุงอาหารได้หลากหลายเหมือนเกลือทั่วไป เช่น ใช้ในซอส หมักเนื้อ หรือโรยบนอาหารสำเร็จรูป นอกจากนี้ บางคนยังนิยมใช้แผ่นเกลือหิมาลายันขนาดใหญ่เป็น 'กระทะเกลือ' เพื่อย่าง ปิ้ง หรือเซียร์อาหาร โดยความร้อนจากแผ่นเกลือจะถ่ายเทไปยังอาหาร ทำให้ได้รสชาติเค็มที่เข้มข้นและมีเอกลักษณ์
เกลือชมพูมีทั้งแบบบดละเอียดคล้ายกับเกลือแกง และแบบหยาบที่มีผลึกเกลือขนาดใหญ่ให้เลือกใช้ตามความชอบ การใช้เกลือชมพูในการปรุงอาหารไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติที่เค็ม แต่ยังอาจได้รับแร่ธาตุและสารอื่นๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคเกลือในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะการทานโซเดียมเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
เกลือทั่วไปคืออะไร
เกลือคือแร่ธาตุที่ประกอบด้วยโซเดียมคลอไรด์เป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้บางครั้งเรานิยมใช้คำว่า 'เกลือ' และ 'โซเดียม' สลับกันได้ เกลือมีแหล่งที่มาหลักสองประเภท คือ การตากน้ำทะเลจนระเหย และการขุดเกลือแข็งจากเหมืองใต้ดิน ก่อนที่จะวางขาย เกลือแกงมักผ่านกระบวนการทำความสะอาดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและแร่ธาตุอื่นๆ ที่ไม่ใช่โซเดียมคลอไรด์ บางครั้งยังมีการเติมสารป้องกันการเกาะก้อนและไอโอดีนเพื่อป้องกันภาวะขาดไอโอดีน
เราทราบกันดีว่าเกลือมีบทบาทสำคัญในการปรุงรสและถนอมอาหารมาเป็นพันปี นอกจากการทำให้รสชาติดีขึ้นแล้ว โซเดียมในเกลือยังมีความสำคัญต่อร่างกาย เช่น การช่วยควบคุมสมดุลน้ำ การส่งสัญญาณประสาท และการหดตัวของกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราจะต้องได้รับโซเดียมในอาหาร แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า หากมีโซเดียมมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและปัญหาหัวใจ
เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอันตรายจากการบริโภคเกลือแกงมากเกินไป จึงมีหลายคนที่หันมาเลือกใช้เกลือหิมาลัยสีชมพูแทน โดยเชื่อว่าเกลือชนิดนี้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า
เกลือชมพูมีความแตกต่างจากเกลือปกติอย่างไร
เกลือทะเลและเกลือชมพูเป็นเกลือสองชนิดที่มีความนิยมและมีคุณลักษณะเฉพาะตัว เกลือชนิดหนึ่งเกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดและลม ในขณะที่เกลืออีกชนิดมีการสะสมอยู่ใต้ดินมานานหลายล้านปี ซึ่งนี่คือข้อแตกต่างที่สำคัญของทั้งสองชนิด
แหล่งที่มา
เกลือทะเลเกิดจากการระเหยของน้ำทะเล ในขณะที่เกลือชมพูได้รับการขุดขึ้นจากแหล่งเกลือโบราณในเทือกเขาหิมาลัย มนุษย์เริ่มเก็บรวบรวมเกลือทะเลและเกลือหินมาเป็นเวลานานกว่า 6,000 ปีแล้ว
แร่ธาตุที่มีอยู่
เกลือทะเลและเกลือชมพูมีแร่ธาตุหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รสชาติและสีของเกลือแต่ละชนิดแตกต่างกัน เกลือทะเลมักประกอบด้วยแร่ธาตุเช่น แมกนีเซียม แคลเซียม และโพแทสเซียม ในขณะที่เกลือชมพูมีแร่ธาตุในปริมาณสูง รวมถึงธาตุเหล็ก สังกะสี และธาตุอื่นๆ ที่มีในปริมาณเล็กน้อย
รสชาติ
เกลือทะเลมีรสชาติที่สดชื่น สะอาด และเค็มเข้มข้นเล็กน้อย เพิ่มรสชาติธรรมชาติให้กับอาหารได้อย่างดี เกลือทะเลบางชนิดมีรสชาติเข้มข้นกว่าชนิดอื่น เนื่องจากมีแร่ธาตุที่มากกว่า ในขณะที่เกลือชมพูจะมีรสชาติที่นุ่มนวลและมีกลิ่นของดินเล็กน้อย บางคนบอกว่าเกลือชมพูมีรสชาติหวานกว่าเล็กน้อย ความแตกต่างของรสชาติระหว่างเกลือทะเลและเกลือชมพูเกิดจากแร่ธาตุที่แตกต่างและแหล่งที่มาของเกลือแต่ละประเภท โดยทั่วไปแล้ว เกลือทะเลจะมีรสชาติที่เข้มข้นและสะอาดกว่า
สัมผัส
เกลือทะเลมีหลายลักษณะสัมผัส ตั้งแต่เนื้อสัมผัสละเอียดจนถึงหยาบ หรือแม้กระทั่งเป็นเกล็ด ซึ่งเหมาะสำหรับตกแต่งจานเพื่อเพิ่มรสชาติและกรอบให้กับอาหาร เกลือชมพูมักพบในรูปผลึกขนาดใหญ่ ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในเครื่องบดเกลือ หรือใช้เป็นบล็อกเกลือสำหรับตกแต่งและเสิร์ฟในอาหาร
สี
เกลือทะเลมีสีสันหลากหลาย ขึ้นอยู่กับแร่ธาตุและสารเจือปนในน้ำทะเล ซึ่งอาจเป็นสีขาว เทา หรือชมพู ส่วนเกลือชมพูจะมีสีชมพูที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดจากแร่ธาตุที่เฉพาะเจาะจงในแหล่งที่มาของเกลือ