เส้นทางชีวิตที่น่าทึ่งของ "เวฟ เจ้าหญิงศัลยกรรม" เปลี่ยนทุกความเจ็บปวดให้เป็นพลังผลักดัน จนกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจความงามตั้งแต่อายุ 20 ปี และกำลังจะเปิดมูลนิธิช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาจากการทำศัลยกรรม

"ตอนเด็กๆ ฉันอ้วนดำและคอมีรอยเหมือนเกล็ด เอว 55 นิ้ว ชาวบ้านเรียกกันว่ากะเทยควาย"

"ลูกค้าของเราจำนวนมากทุกวันนี้ มาจากการที่เราให้ความช่วยเหลือ และคนรักในตัวเรา จากการเปลี่ยนแปลงของเรา ผู้คนที่ถูกบูลลี่ไม่ว่าจะเป็นเด็กปั๊มหรือพนักงานร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งผู้ที่โดนด่าว่าผ่านโซเชียล ถ้าเวฟเห็น เวฟจะช่วยทันทีค่ะ เราช่วยคนไปเกือบพันคนแล้วค่ะพี่ เพราะแอพพลิเคชั่นแต่งรูปสำคัญกับคนไทยมาก ทุกๆ มือถือของคนไทยมีแอพฯ แต่งภาพ เพราะคนไทยยังมีพฤติกรรมบูลลี่ ดูถูกกันในเรื่องของรูปร่าง หน้าตา หรือผิวพรรณ ถ้าคุณไม่หยุดการบูลลี่ ธุรกิจนี้ก็ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก"
"เวฟจะเปิดมูลนิธิของตัวเองในชื่อ มูลนิธิแม่เวฟเจ้าหญิงศัลยกรรม ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ หากมีคนทำศัลยกรรมแล้วจมูกทะลุ มูลนิธิเวฟจะถอดให้ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย ดูแลเหมือนลูกค้าทั่วไป หากใครโดนทำร้ายหรือมีปัญหาจากการศัลยกรรมล่าสุดแฟนคลับเวฟถูกทำร้ายจนจมูกหัก เวฟจึงตัดสินใจทำจมูกให้เขา เชื่อไหมว่า คนที่เวฟช่วยเหลือไป ชีวิตดีขึ้นมาก เราไม่รู้ว่าทำไม แต่เวฟเชื่อว่าเมื่อคนเรามีรูปลักษณ์ที่ดีขึ้น ความมั่นใจของเขาจะสูงขึ้น"

ในวัย 33 ปี เวฟกล่าวว่า วันนี้ที่มายืนถึงจุดนี้ รู้สึกภูมิใจมาก เมื่อย้อนกลับมามองเส้นทางที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย "มันหนักหนาสาหัส" จนสามารถเรียกมันว่า "เส้นทางชีวิตสุดแกร่ง" ได้เลย
"ชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวทางฝั่งพ่อไม่ยอมรับในเพศสภาพของเวฟถึงขั้นรังเกียจเรื่องเพศที่เป็นสาวประเภทสอง หรือทรานส์เจนเดอร์ เวฟตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อต้องการพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าเพศแบบนี้สามารถอยู่ในสังคมได้และสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ วันหนึ่งเวฟจะพาแม่มาอยู่และจะมีบ้านของเราเอง"
"มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อโจ้ที่วัด เวฟไปขอพักที่วัดแล้วช่วยทำงานวัดต่างๆ โดยที่วัดสะพานสูงบางซื่อ เวฟได้พักในห้องเก็บของที่วัด อาบน้ำในห้องน้ำรวมที่ตลาด ใช้กระบวยเดียวกันสำหรับทุกอย่าง ตั้งแต่แปรงฟันจนถึงอาบน้ำหรือสระผม และก็อาศัยอยู่แบบนั้นจนเรียนจบ ปวช."

เวฟเล่าต่อว่า เธอทนทำงานทุกอย่าง หาเงินเลี้ยงตัวเองมาตลอด ฝ่าฟันทุกสถานการณ์ที่ยากลำบากเพื่อให้ครอบครัวเห็นว่าไม่ว่าเพศไหนก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เธอทำทุกอย่างเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและทำให้แม่มีชีวิตที่ดีขึ้น แม้จะไปรับจ้างแบกข้าวสาร ถูกบูลลี่และโดนรุมกระทืบ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้
"มีช่วงหนึ่งที่เวฟรู้สึกว่า อยากได้สิ่งที่ไว้ดูแลตัวเองและก็ส่งเงินให้แม่ด้วย เวฟจึงไปทำงานเสิร์ฟอาหารและล้างจาน ลุ้นให้ลูกค้าสั่งแกงส้มหรืออาหารที่ทิ้งไว้บ้าง ขอให้ไม่กินหมด พอลูกค้ากินเหลือ เวฟก็จะเก็บโต๊ะและเก็บอาหารมารวมๆ แล้วนั่งกินเอง"
"หนูก็เก็บเงินได้บ้างจนสามารถเช่าห้องอยู่ได้ค่ะ เป็นห้องสังกะสีอยู่กับกลุ่มคนทำงานก่อสร้าง อยู่กับแม่ มีหมอนใบเดียวและผ้าห่มผืนเดียว อาหารที่กินทุกวันก็คือมาม่า ส่วนที่เซเว่นจะมีผักต่างๆ เช่น แตงกวาและผักหอมที่ไว้ใส่กับฟุตลอง แม่จะเลือกให้เวฟได้กินเนื้อ ส่วนแม่ก็จะกินน้ำกับผัก นี่คือภาพที่เวฟย้อนกลับไปไม่ได้"
"ห้องเช่าที่เวฟอยู่ตรงข้ามกับโรงสี เวฟไปทำงานแบกข้าวสาร กระสอบละ 10 กิโล 20 กิโล รับมาแล้วก็โยนไป ใจใหญ่ ยกได้ก็ยกเลย และด้วยความเป็นกะเทย เวฟก็แต่งหน้าจัดเต็ม คิ้วเข้มๆ ผู้ชายบางคนชอบแกล้งเรียกเราเป็นกะเทยควาย เวลาที่เวฟโยนข้าวสารให้ผู้ชายบ้าง บางทีเขาก็แกล้งไม่รับ"
"บางครั้งผู้ชายก็ถีบเราไปกองข้าวสารเลย พอโยนข้าวสารให้หนู รับแล้วหนูโดนถีบจนล้มลงไปเลย พอลุกขึ้นสู้ก็โดนผู้ชายรุมกระทืบ หนูถูกทิ้งให้หงายอยู่ที่กองข้าวสาร ทำอะไรไม่ได้ ตัวก็ใหญ่เหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถสู้กับพวกเขาที่เยอะเกินไป บางทีตอนที่หนูล้มไปแล้ว พวกเขาก็เอาข้าวสารทับใส่หนู"

เวฟเล่าต่อว่า จุดเปลี่ยนที่ทำให้เด็กที่อ้วนและหนักถึง 128 กิโลกรัม กลายเป็น "เจ้าหญิงศัลยกรรม" เกิดขึ้นหลังจากที่ไปสมัครงานในสาขาการโรงแรมหลังจากได้รับวุฒิ ปวช. แต่ไม่มีใครรับเข้าทำงาน โดยอ้างว่าอ้วนและสกปรก
"สะเทือนใจ มันเจ็บปวดมากจริงๆ"
ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ลดน้ำหนัก ดูแลผิวพรรณ ทำงานที่สำนักงานกฎหมาย มีเงินใช้ในการทำศัลยกรรมจนดูดีขึ้น เริ่มต้นฝันและประสบความสำเร็จในธุรกิจความงามจนถึงปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เจ้าหญิงศัลยกรรม" จากผู้คนที่ได้รับการช่วยเหลือในด้านความงาม จนทำให้มีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต
"หนูเรียนจบการโรงแรม แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำงานในโรงแรม พอได้รับวุฒิมาก็คิดว่าทำงานอะไรก็ได้ที่เขารับสมัคร หนูเคยสมัครงานที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ถูกปฏิเสธและได้ยินเขาพูดกับพนักงานว่า อ้วนก็อ้วนดำก็ดำ คำพูดนี้ติดอยู่ในหัวหนูเสมอ หนูเดินออกจากร้านแล้วคิดในใจว่า วันหนึ่งจะซื้อร้านนี้ให้ได้ วันนั้นหนูเชื่อเลยว่าอ้วนดำนี่แหละจะทำให้หนูได้ ทุกวันนี้หนูก็ซื้อร้านได้แล้ว"

"วันนี้อยากขอบคุณผู้จัดการร้านนั้น ที่ไม่รับหนูเข้าทำงาน บางคนอาจเศร้ากับมัน แต่หนูกลับมองว่าเขาคือคนที่ให้พลังบวกกับหนู ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีหนูในวันนี้ วันที่เขาปฏิเสธหนู มันทำให้หนูอยากพัฒนาตัวเอง หนูเริ่มใช้ครีมและผอมลงแบบเร็วมาก ผิวดีขึ้นเรื่อยๆ"
"เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน หนูก็โพสต์รูปตัวเองลงโซเชียล มีทั้งรูปก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลง ชาวต่างชาติจากออสเตรเลีย เยอรมัน และญี่ปุ่น มาสัมภาษณ์ชีวิตหนู พวกเขาไปถ่ายที่วัดเลยและบอกว่า ชีวิตหนูสุดยอด เป็นไอดอลสำหรับคนอื่น นั่นคือจุดเริ่มต้นของธุรกิจในทุกวันนี้ค่ะ"
