การทำแคนดี้ผลไม้ (Fruit Candy) หลายคนอาจจะคิดว่ามันง่ายแค่ชุบผลไม้ในน้ำเชื่อม แต่เมื่อเริ่มทำจริงๆ กลับพบว่ามีปัญหาหลายอย่าง เช่น น้ำเชื่อมไม่แข็ง เคลือบผลไม้ไม่ได้ หรือบางครั้งมันแข็งเกินไป แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ มาฝากทุกคน พร้อมคำอธิบายว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบทำสตรอว์เบอร์รี่เคลือบน้ำตาลและขายในงานเทศกาลต่างๆ ของญี่ปุ่นกันค่ะ
“อิจิโกะ อาเมะ” เมนูแสนฮิตในช่วงอยู่บ้าน
แอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล หรือแคนดี้แอปเปิ้ล “ริงโกะ อาเมะ” (りんご飴 / Apple Candy) ที่เป็นขนมสุดฮิตตามงานวัดในญี่ปุ่น ดูเหมือนจะมีคู่แข่งใหม่แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ร้านสตรอว์เบอร์รี่สวยๆ เริ่มเปิดที่ย่านวัยรุ่นต่างๆ เช่น ฮาราจูกุ (Harajuku) ชิบูย่า (Shibuya) และโอซาก้า (Osaka) โดยในร้านเหล่านี้จะมีสตรอว์เบอร์รี่เคลือบน้ำตาลพร้อมท็อปปิ้งหลายรสชาติที่ดูน่ารักมากๆ จนไม่พลาดที่จะอัพโหลดลงโซเชียลกันค่ะ
สิ่งนี้ทำให้คนญี่ปุ่นสนใจอยากลองทำสตรอว์เบอร์รี่เคลือบน้ำตาล “อิจิโกะ อาเมะ” (いちご飴 / Strawberry Candy) ที่ทำได้ง่ายมากๆ และเป็นที่นิยมสุดๆ แม้แต่เด็กๆ ก็ทำได้ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ
ส่วนผสมของ “อิจิโกะ อาเมะ” (Strawberry Candy)

สำหรับสูตรนี้เราจะใช้ส่วนผสมไม่เยอะเลยค่ะ แม้คุณจะอยู่ที่ไทยก็สามารถหามาเตรียมได้ง่ายๆ ดังนี้
1. สตรอว์เบอร์รี่สด 1 แพ็ค (ขนาดลูกละ 15 กรัม ประมาณ 20 ลูก)
2. น้ำตาลทรายละเอียด 200 กรัม
3. น้ำเปล่า 50 มิลลิลิตร
ปรับปริมาณได้ตามต้องการค่ะ (น้ำเปล่า 1 ส่วน : น้ำตาล 4 ส่วน)
อุปกรณ์ที่ใช้ทำ

1. หม้อสแตนเลส * หลีกเลี่ยงการใช้หม้อเทฟล่อนเพราะน้ำตาลจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง *
2. พาย หรือ ช้อน ขนาดพอเหมาะกับหม้อ
3. ถ้วยตวง
4. ตราชั่ง
5. กระดาษไข
6. ไม้เสียบ
7. เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหาร (หากไม่มีไม่เป็นไรค่ะ)
ตอนนี้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรามาดูวิธีทำกันค่ะ 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1:การเตรียมผลไม้

1. ล้างสตรอว์เบอร์รี่ให้สะอาด ดึงใบส่วนขั้วออก ตัดขั้วแข็งทิ้ง

2. พักสตรอว์เบอร์รี่ให้สะเด็ดน้ำ

3. ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดผลไม้ให้แห้งเพื่อให้แน่ใจว่าสตรอว์เบอร์รี่แห้งสนิท

4. ส่วนใบที่เด็ดออก เลือกใบสวยๆ ล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง เก็บไว้ใช้ตกแต่ง (ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ค่ะ)

5. เสียบสตรอว์เบอร์รี่ลงไม้ ไม้ละ 1-3 ลูก จากนั้นใส่ใบที่เด็ดไว้ที่ก้านไม้ด้านล่าง ให้ห่างจากผลสตรอว์เบอร์รี่ เพื่อที่จะได้เคลือบน้ำตาลได้ทั่วทั้งผล
เมื่อเตรียมผลไม้พร้อมแล้ว มาตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาลกันค่ะ
ขั้นตอนที่ 2:วิธีทำน้ำเชื่อมแคนดี้

1. ตวงน้ำเปล่าแล้วเทใส่หม้อ

2. ตวงน้ำตาลทรายละเอียดแล้วใส่ลงไปในหม้อ

3. ใช้พายคนส่วนผสมให้เข้ากัน

4. นำหม้อไปตั้งไฟอ่อนๆ * ห้ามคนเด็ดขาด เพราะน้ำตาลอาจจะตกผลึกได้ค่ะ

5. ตั้งเวลาไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างที่ตั้งไฟ จนได้น้ำเชื่อมข้นพร้อมใช้งานในการชุบผลไม้ ห้ามเคี่ยวนานเกินไป เพราะน้ำเชื่อมจะมีสีเข้มขึ้นและรสขม
วิธีสังเกตลักษณะน้ำเชื่อม

สิ่งที่ต้องเตรียม
(1) น้ำที่อุณหภูมิห้อง ใส่ในถ้วย
(2) ช้อนสแตนเลส หรือ เทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิ

การวัดโดย
(1) ใช้ช้อนจุ่มลงไปในหม้อน้ำเชื่อม

(2) นำช้อนจุ่มลงในน้ำที่อุณหภูมิห้องทันที

(3) หากน้ำเชื่อมเริ่มแข็งติดช้อน ก็สามารถใช้งานได้แล้วค่ะ

หรือถ้าคุณมีเทอร์โมมิเตอร์ สามารถใช้วัดอุณหภูมิได้ที่ประมาณ 110 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสำหรับทำแคนดี้ ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านี้ ความแข็งของแคนดี้จะมากขึ้นค่ะ
ขั้นตอนที่ 3:วิธีชุบผลไม้

1. หม้อน้ำเชื่อมที่ตั้งไฟอ่อนสุด ไม่ต้องยกหม้อขึ้นนะคะ แค่ตะแคงหม้อให้เอียงเล็กน้อย จากนั้นจุ่มผลไม้ที่เสียบ 3 ลูก ลงในน้ำเชื่อม เมื่อปริมาณน้ำเชื่อมเหลือน้อยลงค่อยจุ่มทีละไม้ * จุ่มได้แค่ไม้ละครั้ง หากจุ่มมากเกินไป น้ำตาลจะหนาและไม่เป็นรูปทรง ส่วนผลไม้ก็ห้ามโดนตัวหม้อเด็ดขาด เพราะน้ำจากผลไม้จะไหลออกมาผสมกับน้ำเชื่อมค่ะ

2. รอให้น้ำเชื่อมส่วนเกินหยดออกให้หมด แล้วนำไปพักบนกระดาษไข รอให้เย็นก็พร้อมรับประทานค่ะ ใช้เวลาไม่นานเลย แค่ไม่ถึงนาที
ตามในภาพ ใช้ใบสตรอว์เบอร์รี่ตกแต่ง เมื่อแคนดี้เย็นแล้วก็สามารถเสียบผลสตรอว์เบอร์รี่ลงไปให้ติดกับใบได้ค่ะ
วิธีเลือกใช้ผลไม้ที่สามารถทำ “แคนดี้ผลไม้”

ผลไม้ที่สามารถทำแคนดี้ได้จะต้องมีผิวสัมผัสแห้ง ไม่ฉ่ำน้ำ เช่น
(1) ส้ม - ใช้ส้มไร้เมล็ด แกะเป็นกลีบอย่างเบามือ โดยไม่ให้เปลือกอ่อนขาด เสียบไม้แล้วพักไว้
(2) องุ่นไร้เมล็ด - ห้ามแกะเปลือกออกค่ะ ล้างให้สะอาดแล้วใช้ทิชชู่ทำครัวซับให้แห้ง เสียบไม้แล้วพักไว้ค่ะ
หากใครไม่มีผลไม้เหล่านี้ ก็สามารถใช้เชอร์รี่หรือพุทราผลเล็กๆ ได้เช่นกัน แต่ต้องระวังเม็ดที่อาจจะเกะกะขณะรับประทานค่ะ ส่วนวิธีทำก็สามารถทำตามขั้นตอนเดียวกับการทำ 'อิจิโกะ อาเมะ' ได้เลยค่ะ
สรุปข้อควรระวัง

1. ควรเลือกใช้ผลไม้ที่มีผิวแห้ง ไม่ฉ่ำน้ำ
2. ผลไม้ต้องแห้งสนิท ไม่มีน้ำเกาะ เพราะน้ำจะทำให้น้ำเชื่อมไม่กลายเป็นแคนดี้ค่ะ
3. ควรใช้ผลไม้แต่ละไม้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากใส่เยอะเกินไปจะทำให้เคลือบแคนดี้ไม่ทั่วถึง
4. ห้ามใช้หม้อเทฟล่อนในการเคี่ยวน้ำเชื่อม เพราะน้ำตาลจะจับตัวเป็นก้อนแข็งแทนที่จะเป็นน้ำเชื่อมค่ะ
5. ควรใช้ไฟอ่อนในการเคี่ยวน้ำตาลเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเชื่อมไหม้
6. เมื่อเริ่มตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาลบนเตาแล้ว ห้ามคนเด็ดขาด เพราะน้ำตาลจะตกผลึกทำให้ไม่เป็นน้ำเชื่อมค่ะ
7. ขณะชุบผลไม้ ห้ามให้ผลไม้สัมผัสกับตัวหม้อ เพราะจะทำให้มีน้ำจากผลไม้ไหลออกมา
8. ควรชุบผลไม้ให้รวดเร็วในครั้งเดียว เพื่อให้แคนดี้ที่ได้มีความบางและเรียบเนียน
ในภาพนี้จะเห็นว่าแคนดี้ผลไม้ที่ทำผิดวิธี เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องค่ะ

“แคนดี้ผลไม้” รสชาติหวานสดชื่นจากผลไม้สดพร้อมแคนดี้เคลือบบางๆ ที่กรอบอร่อยทุกคำ หลังจากทำเสร็จแล้วไม่ควรแช่ในตู้เย็นค่ะ เพราะแคนดี้จะเหนียว และเมื่อเอาออกจากตู้เย็นอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้แคนดี้ละลายได้ค่ะ
นอกจากนี้ ถ้าทำแล้วควรรับประทานให้หมดภายในวันนั้น เพราะผลไม้จะยังคงความสดชื่นอร่อย แต่ถ้าเก็บไว้นาน น้ำจากผลไม้จะออกมาทำให้แคนดี้ละลายเช่นเดียวกันค่ะ วิธีทำและการเก็บรักษาที่แนะนำ เราได้เตรียมเคล็ดลับไว้ให้เรียบร้อย รับรองว่าสามารถทำตามได้ง่ายๆ และยังเป็นกิจกรรมที่สนุกสำหรับครอบครัวหรือเพื่อนๆ ได้อีกด้วย ลองทำทานกันดูนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความถัดไปค่ะ
หากต้องการสูตรอาหารหรือขนมญี่ปุ่นอื่นๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ บทความของครัวญี่ปุ่น ตามลิงก์นี้เลยค่ะ