คุณพ่อคุณแม่คงทราบดีว่า สุขภาพร่างกายของลูกๆ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างพิเศษ เพราะเด็กๆ มักจะไม่สามารถบอกอาการเจ็บป่วยของตัวเองได้ดี ส่วนใหญ่แล้วจะสื่อสารผ่านการแสดงสีหน้าหรือท่าทาง รวมถึงการร้องไห้ โดยเฉพาะอาการร้อนใน ซึ่งเป็นอาการที่เด็กๆ พบได้บ่อยและมักจะไม่สามารถอธิบายความเจ็บปวดจากอาการนี้ได้อย่างชัดเจน วันนี้เราจะชวนให้พ่อแม่มาทำความเข้าใจเรื่องอาการร้อนในในเด็กกันค่ะ เพื่อหาวิธีการรักษาและดูแลลูกๆ อย่างเหมาะสม ลองมาดูกันว่าเราสามารถช่วยลูกน้อยได้อย่างไรบ้าง
ร้อนในคืออะไร
ร้อนใน หรือ Aphthous Ulcer คือแผลเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในช่องปาก โดยมักจะมีสีขาวและขอบแดง พบได้ที่กระพุ้งแก้ม เหงือก ริมฝีปาก หรือในลิ้น แผลร้อนในสามารถขยายขนาดได้และทำให้เกิดอาการเจ็บปวด การรับประทานอาหารจึงเป็นเรื่องยาก แต่โดยปกติแล้วแผลเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ หากในระหว่างที่เกิดแผลร้อนในมีอาการไข้ร่วมด้วย คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพราะอาการนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับโรคมือเท้าปากได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดร้อนในในเด็ก
อาการร้อนในในเด็กสามารถเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ดังนี้
1.การแพ้อาหารหรือสารระคายเคืองต่างๆ
2.การกัดปากตัวเองจนเกิดแผลในช่องปาก
3.การใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งเกินไปจนทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก
4.การขาดสารอาหารสำคัญ เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินบี12 และโฟเลต ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก
5.เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ ก็อาจทำให้เกิดแผลร้อนในได้ง่าย
6.การรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนจัดมากเกินไปก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดแผลในช่องปากได้
7.การติดเชื้อไวรัสจากกลุ่ม Enterovirus

คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการร้อนในในเด็กได้จากพฤติกรรมต่างๆ ที่ลูกแสดงออก เช่น
1.ลูกดื่มน้ำในปริมาณมากกว่าปกติที่เคย
2.ลูกเคี้ยวอาหารช้าลงเนื่องจากความเจ็บปวดจากแผลในปาก
3.ลูกมักจะร้องไห้และบางครั้งก็มีอาการงอแงโดยไม่สามารถบอกสาเหตุได้
4.ลูกจะมีอาการเจ็บและร้องไห้ออกมาทันทีหลังจากรับประทานอาหารที่มีรสเค็มหรือรสเผ็ด
5.มีแผลในช่องปากที่มีลักษณะเล็กและตื้น โดยแผลมีสีขาวและขอบสีแดง พบได้ที่ริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม หรือเหงือก
6.หากแผลร้อนในเกิดการติดเชื้อ จะมีอาการไข้ร่วมด้วย ซึ่งในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและตรวจโรคมือเท้าปากเพิ่มเติม

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบว่าลูกมีแผลร้อนในในช่องปาก สามารถรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.แผลร้อนในส่วนใหญ่จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกสงสารลูกและไม่อยากเห็นลูกเจ็บปวด ก็สามารถซื้อยารักษาแผลร้อนในมาทาเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ต้องตรวจสอบอายุของลูกให้แน่ใจก่อนว่าใช้ยาได้หรือไม่
2.หมั่นทำความสะอาดมือของลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลร้อนในติดเชื้อ
3.ให้ลูกทานอาหารอ่อนๆ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มหรือเผ็ดจนเกินไป
4.ห้ามให้ลูกสัมผัสแผลด้วยมือ เพราะอาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้
5.ให้ลูกบ้วนปากด้วยน้ำเกลือแทนการแปรงฟัน เนื่องจากน้ำเกลือช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องปากได้ดี
6.ให้ลูกทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเกิดแผลร้อนในซ้ำได้
7.หากแผลร้อนในไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือแผลขยายไปทั่วช่องปาก พร้อมกับมีไข้สูง ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคมือเท้าปาก
คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจกับอาการต่างๆ ที่ลูกแสดงออกมา โดยเฉพาะสีหน้าและท่าทาง รวมถึงการร้องไห้งอแง ซึ่งบางครั้งอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการเจ็บปวดที่ลูกไม่สามารถอธิบายได้ดีเหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้นการใส่ใจและสังเกตอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ต้องทำ