อ้ายสติ๊ก เล่าถึงความรู้สึกว่า เขาได้เป็นเขยอีสานมานานถึง 6 ปี รู้สึกดีใจสุดๆ กับชีวิตที่ร่วมกันกับนางบี ตั้งแต่เริ่มต้นจนร่ำรวย แต่ยังคงไม่ลืมวิถีชีวิตเดิมที่เคยอยู่ ปลื้มใจมากๆ และกำลังจะได้เป็นพ่อคนในเร็วๆ นี้
"ดิมิทรี ปาสกาล เจอราส์ อองรี บูเตออเลอซ์" หรือ "อ้ายสติ๊ก" หนุ่มชาวฝรั่งเศสที่มาจากบ้านเกิด เดินทางมาประเทศไทยพร้อมกับเสื้อผ้าติดตัวเพียง 6 ชุด ก่อนจะได้พบกับความรักแท้จาก "สุภาวดี ไลลานี บูเตอเลอช์" หรือ "นางบี" ที่เขาแต่งงานและเริ่มชีวิตคู่ด้วยกัน ควงคู่กันสู้ชีวิตจนกลายเป็นเน็ตไอดอลจากการถ่ายคลิปชีวิตธรรมดาๆ ในทุ่งนา อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ บ้านเกิดของนางบี และประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจจนพลิกชีวิตเป็นเศรษฐี อ้ายสติ๊กเล่าให้ทีมข่าว Mytour ฟังว่า ตั้งแต่แต่งงานกับนางบี เขาก็ได้เป็นเขยอีสานมาแล้วถึง 6 ปี

เขาเล่าเพิ่มเติมว่า แม้ว่าตอนนี้เขากับนางบีจะประสบความสำเร็จในธุรกิจและได้ซื้อบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ แต่เขาก็ยังไม่เคยลืมวิถีชีวิตที่เคยอยู่อู่เคยนอน และมีเวลาหลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองหลวงไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในทุ่งนาแดนอีสานใต้เสมอ
"เวลาที่ได้กลับมาที่สุรินทร์ รู้สึกดีใจมาก" อ้ายสติ๊กกล่าว
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นางบีได้ร่วมอยู่ด้วย เมื่อเธอถามว่า รู้สึกยังไงที่เป็นลูกเขยอีสานมา 6 ปี อ้ายสติ๊กตอบด้วยความดีใจว่า รู้สึกชอบมากๆ
"เป็นคนอีสานเด้อ"
"ชอบคน ชอบควาย ชอบอาหาร ชอบส้มตำ ไข่มดแดง ต้มเล้ง เนื้อผัดน้ำมันหอย"
เมื่อนางบีถามว่า ชอบอะไรอีก อ้ายสติ๊กก็ตอบกลับแบบขำๆ ตามสไตล์หนุ่มฝรั่งเศสกับสาวอีสานที่มีความสนุกสนานอยู่เสมอ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน ซึ่งก็กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เอฟซีหลงรักในตัวเขา
"ชอบจูบหอยเมีย"
"จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ แบบนี้"

คำตอบของสามีทำให้นางบีขำสุดๆ รีบอธิบายให้สามีที่เริ่มพูดภาษาอีสานได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของบางคำเท่าไรนัก
"โอ้ยเนาะ ชอบจูบหอย เขาเรียกว่าหอยจูบ หอบจูบที่เมียทำให้กิน"
"ใช่ๆ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ โอเค"
สติ๊กตอบรับแล้วบอกต่อว่า นอกจากความอร่อยของอาหารแล้ว เขายังหลงใหลในศิลปวัฒนธรรมอีสาน ชอบไปเซิ้งหน้าเวทีหมอลำด้วยนะ

นางบีเสริมว่า สามีเคยบอกว่า ที่ประเทศฝรั่งเศสนั้นการเป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะถ้าคุณไม่ใช่คนรวยจริงๆ หรือไม่ได้รับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ก็เป็นไปได้ยากที่จะครอบครองที่ดินผืนใหญ่ เนื่องจากที่ดินมีราคาแพงมาก
อ้ายสติ๊กเล่าต่อว่า ชีวิตที่บ้าน จ.สุรินทร์ เป็นชีวิตที่เรียบง่าย ไม่มีความยุ่งยากอะไร มีอะไรกินก็ทานตามที่มีและรู้สึกมีความสุขในการเลี้ยงควาย เลี้ยงม้า เลี้ยงสุนัข
รวมทั้งการออกไปหากินตามฤดูกาล เช่น การแหย่ไข่มดแดง หาปลา ขุดปู ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียนรู้จากนางบีและครอบครัวของนางบี และเมื่อแดดร่มลมตกก็จะพาน้องสาวของนางบี "หญิงโรส" ที่มีอาการไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่เกิด ขึ้นรถซาเล้งพาไปเที่ยวรอบหมู่บ้าน
"หญิงโรสนี่จะติดอ้ายสติ๊กมาก"

นางบีกล่าวเพิ่มเติมว่า เธอและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นในวันนี้ ต้องขอบคุณอ้ายสติ๊กที่ชักชวนให้เธอกลับมาตั้งหลักที่ จ.สุรินทร์ หลังจากที่เคยออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ และภูเก็ต แต่ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จตามที่หวังได้ การตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่บ้านกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอ
"ก่อนหน้านี้อ้ายสติ๊กเคยมาเที่ยวอยู่กับนางบีที่ภูเก็ต ซึ่งตอนนั้นเงินก็ไม่ค่อยมี และอ้ายสติ๊กก็เป็นคนที่ชวนให้นางบีกลับมาอยู่สุรินทร์"
"ตอนนั้นคิดแค่ว่า กลับมาอยู่บ้านกันเถอะ มาทำนา คิดว่าจะรวยนะคะ แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะบ้านของนางบีไม่มีแหล่งน้ำใหญ่ๆ ที่จะทำนาได้ตลอดทั้งปี ทำนาได้แค่จากน้ำฝนเท่านั้น"
"แต่ต่อมาก็มีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะตัวเองชอบถ่ายรูปและเล่นโซเชียลอยู่แล้ว เลยเริ่มแชร์ชีวิตบ้านๆ แบบจริงๆ โดยถ่ายทอดสิ่งที่เป็นอยู่ให้เห็นกัน เช่น การนั่งกินข้าวกัน"
"นางบีเป็นคนสายฮาอยู่แล้ว คนเริ่มชอบและเริ่มแชร์ชีวิตของนางบีกับอ้ายสติ๊กออกไป ทำให้มีแฟนคลับมาติดตามมากมาย"

"เมื่อเริ่มผลิตสินค้ามาขาย ก็ได้รับการสนับสนุนจากสินค้าของนางบี เช่น บีอีซีแบรนด์ บีนัวร์ น้ำปลาร้า เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของนางบีค่ะ และเร็วๆ นี้ก็จะกลับมาทำอีกค่ะ"
อ้ายสติ๊กทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน พร้อมกับดูแลธุรกิจของครัวไปด้วย ตอนนี้เขามีความสุขมาก เพราะกำลังจะได้เป็นพ่อกับนางบี ลูกกำลังจะมาแล้ว
"ดีใจมาก ดีใจที่จะได้เป็นพ่อ ลูกจะเรียกอ้ายสติ๊กว่า บักพ่อ บักพ่ออีแม่ บักพ่อ ดีใจมากๆ ที่จะได้เลี้ยงลูก"
นางบีหัวเราะไปทั้งตัวเมื่ออ้ายสติ๊กบอกว่าจะให้ลูกเรียก "บักพ่อ" ก่อนจะอธิบายให้สามีฟัง ตามสไตล์คู่รักที่เต็มไปด้วยความสุขและอารมณ์ดี
"โอ้ย ฉันไม่เคยเห็นใคร ลูกจะเรียกบักพ่อหรอกนะ เขาไม่ได้เรียกแบบนั้นหรอก เขาจะเรียกว่าพ่อแม่ แบบนี้แหละ"
"อีแม่โอเค บักพ่อ เออ บักพ่อก็ว่าไป ไม่เรียกแบบนี้เหรอ" อ้ายสติ๊กย้อนถาม
"ไม่ ไม่มีใครเรียกแบบนี้หรอก"
"คุณพ่อ ใช่ คุณพ่อคุณแม่ ปะป๊า หะ ปะป๊า ปะป๊า เออ แด๊ดดี้" สติ๊กเริ่มเข้าใจแล้ว

ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นางบีถามอ้ายสติ๊กว่า เมื่อลูกเกิดมาแล้ว จะเลี้ยงลูกอย่างไร อ้ายสติ๊กตอบว่า จะเลี้ยงแบบผสมผสาน
นางบีถามต่อไปว่า แบบผสมผสานที่ว่านี้ คือเลี้ยงวัวบ้าง เลี้ยงควายบ้าง แบบนี้หรือเปล่า อ้ายสติ๊กตอบว่า "เลี้ยงกับซาเล้ง ขี่ควาย แบบนี้"
นางบีย้อนถามไปว่า "จะเลี้ยงแบบผสมผสานก็คือว่าจะพาลูกขี่ซาเล้งและขี่ควายไปด้วย แบบนี้ใช่ไหม เออ เอาเถอะจะเลี้ยงยังไงก็แล้วแต่ลูกเธอ"
"ในความหมายของอ้ายสติ๊กคือ นางบีก็เข้าใจแล้วนะคะ ว่าจะเลี้ยงลูกทั้งแบบวัฒนธรรมฝรั่งและวัฒนธรรมไทยของเรา สรุปง่ายๆ ก็คือ อะไรดีเราก็ทำอันนั้นค่ะ"