
หนึ่งในฮอร์โมนเพศชายที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งมีบทบาทในการเสริมสมรรถภาพทางเพศ รวมทั้งการกระตุ้นอารมณ์และความต้องการทางเพศ นอกจากนี้ยังมีผลต่อการทำงานในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หากระดับฮอร์โมนนี้ต่ำลงจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายด้านมากกว่าที่หลายคนคาดคิด สำหรับคำตอบว่า ฮอร์โมนเพศชายคืออะไร สำคัญแค่ไหน และจะรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ในระดับปกติ เรามีข้อมูลมาให้คุณผู้ชายทุกคนได้ทราบแล้ว
ฮอร์โมนเพศชายคืออะไร
ฮอร์โมนเพศชายที่สำคัญที่สุดคือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งถูกผลิตโดยอัณฑะ (Testis) หรืออวัยวะเพศชายที่อยู่ในถุงอัณฑะ (Scrotum) โดยจะมีทั้งสองข้างซ้ายและขวา อัณฑะไม่เพียงแต่สร้างฮอร์โมนเพศชาย แต่ยังผลิตตัวอสุจิด้วย โดยการกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศชายและตัวอสุจิเพิ่มขึ้น รวมถึงกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและกระดูก กระบวนการเหล่านี้จะเริ่มต้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น หรือประมาณ 12-13 ปี
หน้าที่และความสำคัญของฮอร์โมนเพศชาย
หน้าที่หลักของฮอร์โมนเพศชายคือการกระตุ้นให้ร่างกายผู้ชายเข้าสู่ช่วงวัยหนุ่ม โดยช่วยในการเจริญเติบโตของอวัยวะเพศชายทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการขยายขนาดอวัยวะเพศชายให้ใหญ่และยาวขึ้น การมีขนขึ้นที่อวัยวะเพศ ขา รักแร้ การพัฒนาไหล่ให้กว้างขึ้น กล้ามเนื้อเจริญเติบโต เสียงทุ้มขึ้น หรือแหบ มีกลิ่นเหงื่อออกมา กระดูกหนาขึ้น ผิวหนังผลิตไขมันมากขึ้น ทำให้รูขุมขนขยายใหญ่ขึ้น และบางคนอาจเกิดสิวที่ใบหน้า นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายมีการผลิตซีเมน (Semen) ในระหว่างที่อวัยวะเพศแข็งตัว ซึ่งอาจทำให้มีการหลั่งน้ำกามขณะนอนหลับ เรียกอาการนี้ว่า “ฝันเปียก”
จะรู้ได้ยังไงว่าฮอร์โมนปกติหรือไม่
ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัวว่าตัวเองกำลังประสบกับภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ จนกระทั่งเมื่อรู้ตัวแล้วก็ยากที่จะทำการรักษา ดังนั้นหากคุณเริ่มรู้สึกถึงอาการเหล่านี้ เช่น มีความเครียดสะสม พักผ่อนน้อย มีไขมันสะสมที่พุง สูบบุหรี่หนัก ดื่มแอลกอฮอล์ทุกวัน ขาดการมีเพศสัมพันธ์ หรือมีโรคประจำตัว ควรรีบไปตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย โดยแพทย์จะเริ่มจากการสอบถามประวัติการแพทย์ เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อส่งตรวจในห้องแล็บ หลังจากนั้นจะทำการวิเคราะห์ผลและจัดทำแผนการรักษาต่อไป
เทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนเพศที่สำคัญที่สุดของผู้ชาย ซึ่งมีหน้าที่หลากหลาย หากรู้ตัวว่าตัวเองเสี่ยงกับภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ควรรีบไปตรวจระดับฮอร์โมนเพศชายเพื่อหาทางรักษาทันที หากพบว่ามีภาวะนี้ก็จะสามารถรักษาได้ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามและยากที่จะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ