Highlight
- เติ้ล - ณัฐกร เจนกิจ CEO ของบริษัท ออฟชั่น วัยรุ่น จำกัด และเจ้าของร้าน ออฟชั่น วัยรุ่น ที่มีมากกว่า 4 สาขากระจายอยู่ในจังหวัดชลบุรี จำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และสินค้าที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “แฟชั่นวัยรุ่นทรงเอ”
- แม้จะเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน แต่เติ้ลไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เขาทุ่มเททำงานหนักเพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับตัวเองและครอบครัว โดยมุ่งหวังให้ลูกไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากเหมือนที่เขาเคยผ่านมา
- เติ้ลเคยมองคำว่า “วัยรุ่นทรงเอ” เป็นคำดูถูก แต่กลับกลายเป็นคำที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในทุกวันนี้
- เขาเชื่อว่าถ้าไม่เลือกที่จะเหนื่อยเพื่อความสำเร็จ เราก็ต้องเหนื่อยเพื่อความลำบาก ดังนั้นเคล็ดลับที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือ ความพยายาม ความซื่อสัตย์ และความขยัน
คำว่า “วัยรุ่นทรงเอ” กลายเป็นคำที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์เมื่อปีที่ผ่านมา โดยมันสะท้อนถึงสไตล์การแต่งตัวของวัยรุ่นไทยกลุ่มหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับสไตล์ฮิปฮอป ฮิปส์เตอร์ หรือสไตล์อื่นๆ แต่คนที่ชื่นชอบการแต่งตัวในสไตล์นี้กลับถูกวิจารณ์และกลายเป็นเป้าหมายของการล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย จนบางครั้งคำนี้กลายเป็นคำที่ถูกมองว่าเป็น “คำเหยียด” ไปเสียแล้ว แต่สำหรับ “เติ้ล - ณัฐกร เจนกิจ” กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคำว่า “วัยรุ่นทรงเอ” กลับกลายเป็นคำที่ “เปลี่ยนชีวิต” ของเขาอย่างสิ้นเชิง จากการเป็นพนักงานเงินเดือนที่ทำหลายอาชีพเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว สู่การเป็น CEO ของบริษัท ออฟชั่น วัยรุ่น จำกัด ที่มีร้านขายเสื้อผ้ากระจายอยู่ทั่วจังหวัดชลบุรี Mytour ขอพาไปรู้จักกับทุกแง่มุมในชีวิตของเติ้ล เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มุ่งมั่นในชีวิตทุกคน
เริ่มต้นจากชีวิตที่ยากจน
“ชีวิตของผมเริ่มต้นจากครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่มีปัญหากันตั้งแต่ผมเกิด เมื่อแม่สามารถตั้งหลักได้ที่ศรีราชา ก็พาผมย้ายมาเรียนที่ศรีราชา ผมจึงโตและใช้ชีวิตวัยรุ่นที่ศรีราชา”

เมื่อพ่อแม่แยกทางกัน เติ้ลในวัยเด็กจึงต้องย้ายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่พ่อและแม่เลือกให้ เขาเริ่มเรียนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนจะย้ายไปที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ และในที่สุดก็มาย้ายมาเรียนที่จังหวัดชลบุรีในระดับมัธยมและตั้งหลักที่นี่จนถึงปัจจุบัน
“สมัยวัยรุ่นผมอยู่ที่ศรีราชา ชีวิตวัยรุ่นก็ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่จะมีช่วงเกเรบ้าง ผมเองก็เคยผ่านการใช้ยาเสพติด การขายของ ธุรกิจสีเทาและสีดำมาหมดแล้ว แต่สิ่งที่ผมคิดอยู่เสมอคือ ถ้าผมมีครอบครัว ผมไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอชีวิตแบบที่ผมเคยเจอในวัยเด็ก”
“ช่วงฝึกงาน ผมไปฝึกงานที่บริษัทร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ทำงานหนักทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการยกของขนาดใหญ่ขึ้นรถหรือจัดของในโกดังที่อากาศร้อนจัด ทำให้รู้สึกว่า ทำไมเราต้องทำงานแบบนี้ในขณะที่คนอื่นนั่งทำงานในออฟฟิศ วันนั้นผมตัดสินใจลาออกจากงานและไม่เรียนต่ออีกเลย”

ทำทุกอย่างเพื่อสร้างตัว
“ผมเริ่มทำงานเป็นแมสเซนเจอร์ที่แหลมฉบัง ขี่รถส่งเอกสาร วางบิล รับเช็ค ท่ามกลางความร้อนระอุ ขี่รถเป็นร้อยกิโลเมตรในแต่ละวัน และได้ค่าแรงพิเศษ 200 บาท ส่วนค่าจ้างก็จะได้เป็นรายเดือน”
เติ้ลมีความฝันที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เขาจึงทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินและเรียกตัวเองว่า “บ้าเงิน” เพราะเขาพยายามหาโอกาสในทุกทาง ทั้งขายขนมปัง ผักสด ก๋วยเตี๋ยวเรือ รวมถึงรับหิ้วเสื้อผ้า พร้อมกับทำงานเป็นแมสเซนเจอร์ไปด้วย

“ทุกอย่างที่สามารถทำเงินได้ ผมไม่พลาด เลิกงานก็มาขายผัก บางวันก็ลางานไปช่วยแม่ของแฟนขายผัก ตื่นตั้งแต่ตี 5 ไปซื้อผัก พอตี 8 ก็เริ่มตั้งร้านให้แม่ พอตอน 9 โมงก็ไปทำงาน จากนั้นหลังเลิกงานก็กลับมาขายผักต่อ ขายขนมปังไปด้วย รับหิ้วเสื้อผ้าไปด้วย และขายหวยไปพร้อมกัน ตอนนั้นผมก็ขายเสื้อผ้าในอาคารพาณิชย์ของแม่แฟน แล้วแฟนก็ขายครีมควบคู่กันไปด้วย”
Option วัยรุ่น: แฟชั่นทรงเอ
เมื่อรายได้จากงานเสริมเริ่มสูงกว่างานประจำ เติ้ลจึงตัดสินใจใช้เงินโบกัสก้อนใหญ่ที่ได้รับในการลงทุนกับธุรกิจขายเสื้อผ้า ซึ่งเริ่มจากความชอบในการแต่งตัวของตัวเอง และนำไปสู่การเปิดร้าน “Option วัยรุ่น” สาขาแรกของเขา
“วัยรุ่นทั่วไปมักจะใช้คำว่า “ทรงเอ” ซึ่งหมายถึงการเป็นวัยรุ่นที่มีสไตล์เฉพาะตัว การแต่งตัวของเราจะคล้าย ๆ กับพวกเอเย่นต์ ซึ่งช่วยสร้างคำจำกัดความใหม่ให้กับวัยรุ่นทรงเอ โดยในช่วงหนึ่งผมจะสวมเสื้อ OPV และกางเกงลาย ๆ ซึ่งการแต่งตัวของแต่ละยุคสมัยก็มีการเปลี่ยนแปลงตามกัน เช่นช่วงนี้จะเป็นเสื้อลายโมโนแกรมที่ผมใส่อยู่ พร้อมกับกางเกงที่มีลวดลายหรือเรียบก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนในช่วงนั้น”

“ตอนแรกผมไม่ค่อยเข้าใจคำว่า ‘วัยรุ่นทรงเอ’ แต่คำนี้ทำให้ผมสามารถสร้างอาชีพของตัวเองได้ มันทำให้ผมมีงานมีการและสามารถเลี้ยงครอบครัวและทีมงานได้จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าในช่วงแรกผมจะรู้สึกว่าคำนี้เป็นคำดูถูก เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทุกวันนี้ผมไม่คิดมากแล้ว ยิ่งคนไม่พูดถึงยิ่งดี เพราะมันทำให้ผมรู้สึกสงบ หากคิดถึง ‘วัยรุ่นทรงเอ’ ต้องนึกถึงผม”
ความสำเร็จที่เอื้อมถึงของวัยรุ่นทรงเอ
“ในแต่ละเดือนรายได้ของร้านในสาขาเดียวก็ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายนะครับ อย่าเข้าใจผิดเป็นกำไร เพราะมันคือเงินหมุนเวียนในบริษัท ยอดขายที่พูดถึงนี้รวมทุกแบรนด์ บางครั้งก็ต้องขอเครดิตจากคู่ค้าบ้าง”
ในระยะเวลา 5 ปีที่ร้าน Option วัยรุ่นเปิดดำเนินการมา เติ้ลต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเขาบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ร้านเติบโต เนื่องจากห้างสรรพสินค้าปิดทำการ คนหันมาซื้อสินค้าที่ร้านมากขึ้น พร้อมกับการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสาร ทำให้ชื่อเสียงของเติ้ลเริ่มเป็นที่รู้จักและช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านอย่างต่อเนื่อง

“นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว สิ่งที่สำคัญคือความพยายาม ความซื่อสัตย์ และความขยัน ถ้าคุณมีแค่โซเชียลมีเดียแล้วโพสต์คลิปให้คนเห็นสินค้าของคุณ แต่หากไม่มีความพยายามหรือความซื่อสัตย์ต่ออาชีพและลูกค้า ทุกอย่างจะไม่ยั่งยืน โซเชียลมีเดียก็เหมือนการเกิดและดับ ถ้าคุณไม่ทุ่มเทเพื่อความสำเร็จ คุณก็ต้องทนเหนื่อยเพื่อความลำบาก ทุกคนต้องผ่านความเหนื่อยยากมาแล้ว ถ้าผมทำได้ คนอื่นก็ทำได้เช่นกัน”
“ตอนนี้ผมมาไกลเกินกว่าที่เคยฝันไว้ แต่ถ้าให้คะแนนตัวเองเต็ม 10 ผมก็ยังไม่ให้เต็ม เพราะว่าคนในทีม ลูกน้องของผมยังไม่ถึงฝั่งฝัน ผมอยากให้ทุกคนในทีมได้เติบโตไปด้วยกัน อยากเห็นทุกคนมีบ้าน มีรถเป็นของตัวเอง” เติ้ลกล่าวปิดท้าย