
สำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มรู้จักโลกใบใหม่ พ่อแม่คือทุกอย่าง พวกเขาคือพระเจ้าผู้สามารถทำได้ทุกอย่าง ทุกครั้งที่เด็กต้องการคำแนะนำหรือต้องการใครสักคนคอยสนับสนุน พวกเขาจะมองหาพ่อแม่ทันที ดังนั้น สิ่งที่พ่อแม่ทำจึงกลายเป็นแบบอย่างสำคัญในชีวิตของลูกโดยที่ไม่รู้ตัว
ถึงแม้พ่อแม่จะเป็นผู้ที่มีความรักและใส่ใจลูกมากมาย แต่พวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์ที่สามารถผิดพลาดได้ เช่นเดียวกับคนทั่วไป บางครั้งอารมณ์โกรธหรือหงุดหงิดอาจทำให้เราพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ดีออกมา คำพูดเหล่านั้นอาจจะฝังอยู่ในใจของเด็กไปตลอดชีวิต และกลายเป็นคำพูดที่สั่งสอนให้เด็กมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตในรูปแบบที่อาจสร้างบาดแผลทางจิตใจในระยะยาวได้
พ่อแม่ทุกคนต้องการให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง เชื่อมั่นในตัวเอง และมีความมั่นคงทางอารมณ์ สิ่งที่จะช่วยให้พวกเขารู้สึกเช่นนั้นได้ คือเสียงในหัวที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนักจิตวิทยามีความเห็นว่า ‘ไม่ควรพูด’ กับเด็ก ๆ ด้วยคำพูดที่อาจทำให้เด็กมีบาดแผลทางจิตใจและรู้สึกด้อยค่า
1. “หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ”
คำพูดนี้มักหลุดออกมาจากปากของพ่อแม่หลายคน (รวมถึงตัวผู้เขียนเองในบางครั้งที่อารมณ์พุ่งพรวด) แต่ไม่ว่าลูกจะร้องไห้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่าทำให้พวกเขารู้สึกว่า ‘งี่เง่า’ แม้การร้องไห้ของพวกเขาจะดูไร้เหตุผลสำหรับเรา แต่เด็กยังคงไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ สิ่งที่พวกเขาทำได้คือการร้องไห้ ดังนั้นเราควรให้พื้นที่เพื่อให้พวกเขาได้แสดงความรู้สึก ถ้าเราบอกให้ ‘หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้’ มันจะทำให้เด็กคิดว่าอารมณ์แบบนี้พ่อแม่ไม่ยอมรับ ควรจะเก็บซ่อนเอาไว้ สิ่งที่ตามมาคือเด็กที่เก็บอารมณ์ไว้ในใจโดยไม่กล้าแสดงออก ลองพูดว่า ‘ร้องไห้ได้ลูก แต่การปาทรายใส่คนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนะ’ หรือ ‘ร้องไห้ได้ลูก ตอนนี้หนูคงเสียใจที่ต้องทิ้งตุ๊กตาไว้ที่บ้าน แต่เรากำลังจะไปโรงเรียน ถ้าหนูเอาตุ๊กตาไปด้วยอาจทำให้ตุ๊กตาหายได้นะ’ สงบใจไว้…ลูกร้อง เราต้องไม่ไปปี๊ดตามไปด้วย
2. “พ่อ/แม่ผิดหวังในตัวลูก!”
เมื่อเด็กทำผิด พวกเขาก็รู้สึกผิดในใจแล้ว อย่าไปทำให้รู้สึกแย่กว่านี้โดยการบอกว่า ‘พ่อแม่ผิดหวังในตัวลูก’ ไม่มีอะไรที่ทำร้ายจิตใจเด็กไปมากกว่าการรู้สึกว่าเราได้ทำให้คนที่เรารักผิดหวัง เด็ก ๆ ก็รู้สึกเช่นนั้น ลองพูดว่า ‘สิ่งที่ลูกทำนั้นไม่ถูกต้องนะลูก แย่งของเล่นจากเพื่อนไม่ดีเลย ไปขอโทษเพื่อนก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะ’
3. ลูกยัง (…) ไม่พอ
หลายคนอาจพูดคำนี้บ่อย ๆ โดยไม่รู้ว่ามันส่งผลกระทบต่อลูก เช่น ‘ลูกยังบวกเลขไม่ได้ดีพอ’ หรือ ‘ลูกยังไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายกล่องหนังสือ’ คำพูดแบบนี้อาจทำให้ลูกคิดว่าตัวเองขาดอะไรบางอย่าง โตขึ้นอาจจะรู้สึกว่าตนเองทำไม่ได้ เพราะพ่อแม่เคยบอกไว้เช่นนั้น ลองพูดใหม่ว่า ‘ลูกยังบวกเลขไม่ได้ดีตอนนี้ แต่เดี๋ยวเราจะช่วยกันนะ’ หรือ ‘ลูกยังตัวเล็กอยู่ กล่องหนังสือหนักมาก อาจหล่นใส่ลูกได้ พ่อเข้าใจว่าลูกอยากช่วย แต่เรารอโตกว่านี้ดีกว่านะลูก’
4. เป็นพี่แล้วไม่กลัวแล้ว
เด็กยังคงเป็นเด็ก และความรู้สึกกลัวหรือกังวลเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ การพูดแบบนี้ไม่ทำให้เขากลายเป็นคนที่กล้าแกร่งขึ้น การบอกให้เขาหยุดกลัวไม่ได้ทำให้ความกลัวนั้นหายไป พ่อแม่เองก็มีความกลัวเช่นกัน สิ่งที่ควรสอนให้ลูกคือวิธีการรับมือกับความกลัว เช่น ถ้าลูกกลัวความมืดเมื่อปิดไฟ เราควรอยู่ข้าง ๆ พวกเขาและบอกว่า ‘ไม่เป็นไรนะลูก ทุกคนก็กลัวเหมือนกัน แต่พ่ออยู่ตรงนี้นะ’ หรืออาจจะเล่านิทานให้ฟัง หรือพาไปดูดาวกลางคืนเพื่อให้ลูกเห็นด้านสวยงามของความมืดก็ได้เช่นกัน
5. ลูกไม่มีประโยชน์เลย
นี่คือประโยคที่ไม่ควรพูดในทุกกรณี เพราะเด็ก ๆ มักจะมองหาการยอมรับจากพ่อแม่เสมอ เมื่อเราบอกว่าลูกไม่มีประโยชน์ ไร้ค่า หรือสร้างแต่ปัญหา การพูดแบบนี้จะทำให้เด็ก ๆ ไปมองหาการยอมรับจากที่อื่นแทน ซึ่งอาจจะไม่ดี ลองพูดว่า ‘ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกลูก…เดี๋ยวครั้งหน้าทำให้ดีขึ้นนะ’ เพื่อให้เขารู้สึกว่ามีโอกาสในการพัฒนาและเรียนรู้
6. ลูกเป็นเด็กที่แย่มาก
นี่เป็นอีกประโยคที่สามารถสร้างผลกระทบในระยะยาวกับชีวิตของเด็กได้อย่างรุนแรง เมื่อเด็ก ๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่แย่ ทำอะไรก็แย่หมด ทุกสิ่งจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น ทั้งในวัยเด็กและเมื่อโตขึ้น หากลูกทำผิด ควรบอกเจาะจงว่าการกระทำนั้นไม่ถูกต้อง ‘ลูกปาขวดใส่กระจกแบบนั้นไม่ดีเลยนะ’ การกระทำของเขาอาจไม่เหมาะสม แต่เราไม่ควรบอกว่าเขาคือเด็กที่แย่ ทุกคนต่างก็พลาดกันทั้งนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนแย่ในทุก ๆ ด้าน
7. พ่อ/แม่ต้องทำทุกอย่างให้ลูกหมดเลยรึไง
ฟังให้ดีนะครับพ่อแม่ ลูกไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาในโลกนี้ พวกเราเองที่เป็นคนตัดสินใจพาพวกเขามาสู่โลกใบนี้ เมื่อเขาโตขึ้นและสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ ความรับผิดชอบบางอย่างก็จะเบาลง แต่เมื่อเขายังเป็นเด็กและต้องการการดูแลจากพ่อแม่ เราก็ต้องทำทุกอย่างให้กับเขา ลูกไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือพ่อแม่ที่ไม่เข้าใจว่าการดูแลลูกคือหน้าที่และความรับผิดชอบของเราเอง ดังนั้นพ่อแม่ต้องปรับทัศนคติใหม่อีกครั้ง
8. ไอ้อ้วน ลูกอ้วน ไอ้หมูตอน
ประโยคนี้อาจทำลายความมั่นใจของเด็ก ๆ ได้มากกว่าที่คิด ถ้าลูกของเรามีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ เด็ก ๆ รู้ตัวดีว่าตัวเองอ้วนกว่าคนอื่น ๆ และแตกต่างจากเพื่อนในบางด้าน อย่าไปทำให้พวกเขารู้สึกแย่ยิ่งขึ้น การพูดด้วยความขำขันหรืออยากให้ลูกดูน่ารักยิ่งตอกย้ำว่าลูกอ้วนและไม่สวยงาม บางครั้งที่โรงเรียนอาจมีเพื่อนล้อแล้ว กลับมาเจอคำพูดแบบนี้จากพ่อแม่ยิ่งไปกันใหญ่ ถ้าต้องการให้ลูกเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หรือเริ่มดูแลสุขภาพ ลองพูดว่า ‘แม่/พ่อ คิดว่าจะดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นนะ เพราะอยากจะอยู่กับหนูไปนาน ๆ ตอนเย็นเรามาปั่นจักรยานกัน และทานผักให้มากขึ้นกันดีไหม แม่/พ่อ อยากทำด้วยกัน’ การบอกว่า ‘ลูกอ้วน’ จะทำให้ลูกกินมากขึ้นและความมั่นใจในตัวเองลดลง
ทุกคำพูดที่กล่าวถึงนี้สามารถสร้างผลกระทบที่ยาวนานต่อจิตใจของเด็ก ๆ เราต้องระมัดระวังในการเลือกคำพูด เพราะสิ่งที่เราเผลอพูดออกไปนั้นจะฝังลึกอยู่ในใจของเด็กและส่งผลตลอดไป เราควรรักลูกในแบบที่เขาเป็น ชื่นชมเมื่อเขาทำดี และตักเตือนเมื่อลูกทำผิด ไม่ใช่การทำร้ายหรือประชดประชันลูกเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ถ้ารู้ตัวว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ให้ลองถอยออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดและพูดใหม่ เพราะคำพูดที่ออกไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาได้