- โตส-ปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ เป็นหนึ่งในศิลปินไทยที่ได้รับการคัดเลือกจากอาดิดาส โกลบอล ให้สร้างสรรค์ผลงานตกแต่งสาขาใหม่ล่าสุด ‘อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน’ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทางแบรนด์ร่วมงานกับศิลปินไทย
- ผลงานสื่อผสมของโตสมีความเป็นศิลปะไทยร่วมสมัยที่สะท้อนอัตลักษณ์ของอาดิดาสและวัฒนธรรมรอบๆ ย่านสยามสแควร์
นี่คือครั้งแรกที่ อาดิดาส (ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับศิลปินไทยในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแบรนด์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของสยามสแควร์สำหรับตกแต่งร้าน ‘อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน’ บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ที่ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน โดยศิลปินที่ได้รับการคัดเลือกจาก อาดิดาส โกลบอล หรือ อาดิดาส สำนักงานใหญ่ในประเทศเยอรมนี คือ โตส-ปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ ศิลปินวัย 29 ปี
โตสได้สร้างสรรค์ผลงานสื่อผสม 2 ชิ้นสำหรับจัดแสดงที่ชั้น 1 โซนสินค้าผู้ชาย และชั้น M แผนกสินค้าผู้หญิง พร้อมทั้งออกแบบลวดลายกว่า 20 แบบที่ผู้ที่สนใจสามารถเลือกนำไปใช้ในการตกแต่งสินค้าของอาดิดาส ตามสไตล์ส่วนตัวในโซน Maker Lab ซึ่งให้บริการทั้งการปัก ปรินต์ ตัวรีด และเข็มกลัด

“ผมไม่ทราบว่าอาดิดาส โกลบอลมีเกณฑ์การเลือกอย่างไรหรือว่ามีศิลปินคนไหนบ้างในลิสต์ แต่งานของผมเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะไทยร่วมสมัยและการสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ทั้งงานที่ทำมือแบบวิจิตรและงานที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผมคิดว่าแบรนด์ไม่น่าจะมองที่ชื่อเสียงของศิลปินเป็นหลัก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำงานร่วมกับศิลปินไทย” โตสกล่าวถึงการเริ่มต้นการทำงานกับอาดิดาส ซึ่งเขาเคยร่วมงานกับ a day และทำ Branding ให้กับแบรนด์ชั้นนำอย่างจิม ทอมป์สัน
โตส ศิษย์เก่าจากภาควิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวถึงกระบวนการที่ไม่ง่ายในการได้รับการอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ โดยผลงานต้องผ่านการปรับแก้หลายครั้งและต้องตอบโจทย์คีย์เวิร์ดสำคัญทั้ง 4 คือ ความเป็น Brand (แบรนด์), Sport (กีฬา), City and Culture (เมืองและวัฒนธรรม) และ Craftsmanship (งานประดิษฐ์) โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมถึง 70-90% และแม้จะมีเวลาในการออกแบบเพียง 1 เดือน แต่ต้องใช้เวลาอีก 20 วันในการผลิตผลงานทั้งหมด 2 ชิ้น

ผลงานชื่อ “กึกก้อง (Roar)” ตั้งอยู่ใกล้กับบันไดเลื่อนในโซนสินค้าผู้ชาย ขนาดสูง 3 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ประกอบด้วย 3 ชิ้นงาน โดยชิ้นกลางสะท้อนแบรนด์อาดิดาสผ่านโลโก้สามแถบอันเป็นเอกลักษณ์ที่ใช้ด้ายทองปักบนผ้ากำมะหยี่สีดำ ส่วนสองข้างของผลงานได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อทางสัญลักษณ์ของคนไทยที่มองว่า เสือหมายถึง พละกำลังและความแข็งแกร่ง การแขวนงานแยกชิ้นห้อยลงมาจากเพดานได้รับแรงบันดาลใจจากผ้าใบกันสาดของร้านค้าริมถนน
“ในอดีตนักรบไทยนิยมสักยันต์ลายเสือไว้บนร่างกายเพื่อสื่อถึงพละกำลังและชัยชนะ ผมจึงเลือกใช้รูปทรงเสือเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้เพื่อถ่ายทอดขวัญและกำลังใจของนักกีฬา ผลงานเกิดจากการพิมพ์ลายบนผ้าแคนวาสและยึดโครงสร้างด้วยไม้อัด โดยวัสดุที่ใช้เป็นรีไซเคิล 70-90% เช่น ผ้าฝ้าย ทองคำเปลว พลาสติกรีไซเคิล และผ้ากำมะหยี่ ผลงานนี้ใช้เทคนิคการปักฉลุผ้าใบ การปักด้ายทองบนผ้ากำมะหยี่ การสาน การเรียงเส้นด้ายให้เหมือนลู่วิ่ง และการตัดกระจกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายสถาปัตยกรรมของโรงหนังลิโด้ในรูปทรงที่ลดทอนลง”
โทนสีหลักของผลงานเน้นสีขาวและน้ำตาล โดยต้องคำนึงถึงสี CI (Corporate Identity) ของแบรนด์และสี Pantone ของการตกแต่งในพื้นที่จัดแสดงสินค้าในชั้นนั้น โตสได้ปรับโทนสีให้มีความเป็นพาสเทลมากขึ้น และในการผลิตชิ้นงาน บริษัท Head Works Design ได้เข้ามาช่วยให้ผลงานเสร็จสมบูรณ์ตามดีไซน์ที่วางไว้

ผลงานอีกชิ้นชื่อ “เปล่งประกาย (Shine)” ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของไก่ โดยใช้กระดาษที่ตัดและทับซ้อนกันหลายชั้นเพื่อสร้างรูปแบบกึ่ง 3 มิติ โดยใช้เฉดสีพาสเทลชมพู แดง และน้ำตาลตามโทนสีของแผนกสินค้าผู้หญิง และบริษัท MOHo studio ได้ร่วมมือในการผลิตชิ้นงานนี้
“ผมคิดถึงสุภาษิตไทยที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง แต่สำหรับผู้หญิงในยุคนี้ความสวยอย่างเดียวไม่พอ ความสวยต้องมาจากภายในด้วย ผมจึงอยากกระตุ้นให้ผู้หญิงเริ่มหันมาใส่ใจการออกกำลังกาย เพราะการเล่นกีฬาไม่ได้แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรงและรูปร่างดีเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจภายในให้กับผู้หญิงทุกคนอีกด้วย”
โตสเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนระหว่างงานที่ทำเพื่อการค้ากับงานศิลปะที่ทำตามความชอบส่วนตัว โดยมีความสนใจในศิลปะไทยประเพณี งานของเขาจึงมักนำเอาองค์ประกอบจากศิลปะไทยมาผสมผสานกับบริบทสมัยใหม่อย่างลงตัว

“งานของผมมีลักษณะเรโทร (Retro) ค่อนข้างสูง เพราะผมอยากนำศิลปะไทยมาบอกเล่าใหม่ ผมเชื่อว่างานที่ดีต้องเข้าถึงคนและนักออกแบบต้องเข้าใจผู้คนและรู้จักการใช้งานของงานนั้น ๆ ผมเคยออกแบบฟอนต์ให้กับนิทรรศการศิลปะ ‘Vetal Suite’ (เวตาล สวีท) ของพี่ชาติชาย ปุยเปีย เมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นฟอนต์ไทยกึ่งโบราณที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฟอนต์ในหนังสือเก่า ในส่วนของงานที่ทำโดยไม่มีโจทย์จากลูกค้าผมชอบทำงานดรอว์อิงแล้วนำไปลงสีในคอมพิวเตอร์ โดยไม่ปรับแต่งลายเส้นแต่อย่างใด เพราะผมเชื่อว่างานวาดมือควรมีข้อผิดพลาดและความไม่สมบูรณ์บ้าง”

โตสกล่าวว่าเขาเป็นทั้งนักวาดภาพประกอบ, กราฟิกดีไซเนอร์ และแฟชั่นดีไซเนอร์ สำหรับงานภาพประกอบและออกแบบโปสเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นงานแบบดิจิทัลคอลลาจ (Digital Collage)
“ผมเองไม่ใช่คนวาดรูปเก่ง งานคอลลาจจึงเหมาะกับผม เพราะมันคือการนำสิ่งต่าง ๆ ที่เราชื่นชอบมารวมกันและเล่าเรื่องราวใหม่จากมุมมองที่แตกต่าง”

ผลงานสร้างสรรค์ของโตสในอดีต เช่น ภาพประกอบงาน Joox Music Award 2019, การออกแบบโปสเตอร์และฟอนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ TCDC ขอนแก่น รวมถึงการออกแบบปฏิทินและลวดลายที่ใช้บนบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ GI (Geographical Indication หรือ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ คุณภาพ และแหล่งที่มาของสินค้า โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาและกระทรวงพาณิชย์

นอกจากนี้ โตสยังมีแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ mia.company ซึ่งนำผ้าจากเสื้อทหารเก่ากับผ้าที่เหลือจากสต็อกของผ้าทหารในช่วงปี ค.ศ.1940-1990 มาดีไซน์ใหม่ในแนวที่เรียบแต่ยังคงความเท่ห์
“ผมชอบเสื้อผ้าทหารเก่าและเก็บสะสมไว้มากมาย ผมหลงใหลในฟังก์ชันการใช้งานของเสื้อผ้าทหารจากยุคต่าง ๆ รวมถึงรายละเอียดของการออกแบบที่ใช้สำหรับการทำงานของทหาร จนมีเพื่อนแนะนำให้ลองขายเสื้อผ้าเหล่านี้ ผมจึงตัดสินใจเปิดแบรนด์เสื้อผ้าโดยใช้ผ้าจากเสื้อผ้าเก่าที่ผมมีและผ้าสต็อกที่ยังเหลือมาออกแบบใหม่ให้มีความร่วมสมัย” โตสกล่าว

นอกจากผลงานของโตสแล้ว ที่ร้านอาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน ยังมีผลงานศิลปะจากเหนือ-จักรกฤษณ์ อนันตกุล ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากลายผ้าทอไทยและว่าวจุฬา เพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นลายพิมพ์ซิลก์สกรีนและการสานลงบนผ้า จัดแสดงร่วมกับงานของโตส
Fact File
สามารถติดตามผลงานของโตส-ปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ ได้ที่ IG: tos_suntoss
และติดตามแบรนด์เสื้อผ้าของเขาผ่าน IG: mia.company_