มันคงจะดีถ้าเราสามารถสนทนากับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ ‘มนุษย์’ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา หรือที่ลูกศิษย์เรียกกันว่า ‘อาจารย์หอย’ (ชื่อที่น่ารักและคุ้นเคย) ไม่ได้มีความสามารถในการสื่อสารกับสัตว์อื่นๆ แต่ท่านเป็นนักวิจัยชาวไทยที่รู้จักหอยทากอย่างลึกซึ้งจนสามารถนำเมือกหอยทากมาพัฒนาเป็นเครื่องสำอางและคว้าเหรียญทองจากงาน 44th International Exhibition of Invention of Geneva ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจากความคุ้นเคย อาจารย์สมศักดิ์ยังพูดเสมอว่ามนุษย์นั้นเห็นแก่ตัวมากกว่าหอยทาก
Mytour! Men ไม่ได้พูดคุยกับอาจารย์สมศักดิ์เพื่อเรียนรู้เรื่องหอยทากเท่านั้น แต่เราคุยเพื่อทำความรู้จักกับชายคนหนึ่งที่ทำตามความหลงใหลของตัวเองจนประสบความสำเร็จ และนอกจากนี้เราอาจได้คิดทบทวนว่าเราอาจจะด้อยกว่าหอยทาก สัตว์ที่มักถูกมองว่าต่ำต้อยกว่ามนุษย์

เส้นทางสู่การเป็นเพื่อนสนิทกับ ‘หอยทาก’
ถ้าจะถามว่าใครในประเทศไทยที่สนิทสนมกับ ‘หอยทาก’ มากที่สุด ก็คงไม่พ้นอาจารย์สมศักดิ์ สนิทสนมจนประสบความสำเร็จ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นเด็กชายในท้องทุ่งลพบุรี สนุกกับการวิ่งเล่นและพบเห็นกุ้ง หอย ปู ปลา ที่ท่านรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ
“ตอนเด็กๆ ฉันมักจะสนใจสิ่งที่เกี่ยวกับกุ้ง หอย ปู ปลา เห็นแล้วก็รับประทานเป็นอาหาร เราเป็นลูกชาวนา จึงมีความฝันตามสิ่งที่ตัวเองสนใจ ไม่มีใครแนะนำให้เรียนรู้มากมาย พื้นฐานความรักในธรรมชาติกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราตามสิ่งที่ชอบต่อไป ถ้าเป็นเด็กในเมืองคงได้เรียนพิเศษ แต่เราไม่ได้เรียนแบบนั้น พ่อแม่ของเพื่อนในตลาดมีช่องทางให้ลูกๆ ได้เรียนต่อ แต่เรากลับไม่รู้เรื่องนั้นเลย เรียนตามสิ่งที่เราชอบและสิ่งที่เรามี”

ใครจะคาดคิดว่าความหลงใหลในกุ้ง หอย ปู ปลา จะทำให้อาจารย์เลือกเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตรในสาขาวิชาการศึกษาชีววิทยา ก่อนจะจบปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสาขาสัตววิทยา และตัดสินใจไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ทำวิทยานิพนธ์เรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โดยมุ่งเน้นที่หอยทากจนจบการศึกษาและได้รับปริญญาเอกในวัยไม่ถึง 30 ปี

“หอยทาก” มหัศจรรย์สัตว์สุด Slow
หลายคนมองหอยทากเป็นศัตรูพืช หรือเป็นสัตว์ที่ด้อยกว่ามนุษย์ แต่แท้จริงแล้วหอยทากมีมาก่อนมนุษย์เสียอีก คนโรมันเคยรับประทานหอยทากในเมนูเอสคาโกเป็นอาหาร เมื่อเริ่มมีการบริโภคกันมากขึ้น จึงเกิดการทำฟาร์มหอยทาก และผู้ที่จับหอยทากมาใช้ในอาหารมือจะนุ่มขึ้น เรื่องเล่าของหอยทากจึงมีมายาวนานตั้งแต่ในอดีต และต่อมานำไปสู่การใช้เมือกหอยทากเป็นวัตถุดิบชั้นดีในปัจจุบัน
“แม้ว่าหอยทากส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในน้ำ แต่หอยทากสามารถอยู่บนบกได้ โดยมีจมูกที่สามารถหายใจได้เหมือนสัตว์บก แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือหอยทากดูแลผิวของตัวเองอย่างดี เมื่อมันต้องออกมาบนบก มันต้องคิดถึงการดูแลผิวไม่ให้แห้ง ด้วยการสร้างผิวหนังที่หนา มีเปลือก และมีน้ำเมือกเพื่อชโลมผิวตัวเองและช่วยในการเดิน แม้จะไม่มีรองเท้า แต่หอยทากก็สามารถเดินได้ด้วยการสร้างเมือกเพื่อช่วยให้มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้า”

กระบวนการที่หอยทากสร้างเมือกเพื่อความอยู่รอดทำให้มนุษย์ตั้งแต่ในสมัยโบราณเริ่มค้นพบว่าเมือกหอยทากมีคุณสมบัติในการสมานแผล เพราะประกอบด้วยสารไฮยารูโลนิคที่ช่วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลดริ้วรอย ดังนั้น เมือกของหอยทากจึงกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แม้ว่าเจ้าหอยทากจะเดินช้าและมักจะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากมนุษย์

ปรัชญาแบบหอย หอย
หากเรามองจากมุมของหอย อาจารย์สมศักดิ์คงเป็นคนที่สามารถเล่าถึงเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เพราะประสบการณ์กว่า 30 ปีที่รู้จักหอยทาก ทำให้ท่านสรุปได้ว่าหอยทากเป็นสัตว์ที่สามารถปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าหอยทากจะมีมานานก่อนมนุษย์ แต่ทำไมมันถึงยังไม่สูญพันธุ์ไปเหมือนไดโนเสาร์ล่ะ?
“มนุษย์เรามีอายุแค่ไม่กี่แสนปี แต่หอยทากมีชีวิตมาก่อนเราถึง 200 ล้านปี ผ่านทั้งร้อนหนาว และการระเบิดของภูเขาไฟ แต่หอยทากก็ยังคงปรับตัวได้ดี เราอาจจะเรียนรู้จากการเปรียบเทียบชีวิตของเรากับหอยทาก เพราะหอยทากมีวิถีชีวิตของเขา บางคนอาจคิดว่าเขาต่ำกว่ามนุษย์ แต่เขาก็ยังอยู่รอดได้ในหน้าที่ของเขา แม้จะมีผิวแห้ง แต่เขาก็สร้างเมือกเพื่อช่วยตัวเอง และช่วยกำจัดซากสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร มนุษย์กลับทำระบบชีวิตเสียหมด มนุษย์มีศีลธรรมและวัฒนธรรม แต่กำลังทำตัวเหมือนกลับไปหาสัญชาตญาณของสัตว์”

หอยทากไทยไม่แพ้หอยทากใดในโลก
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 คือการใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่อาจารย์สมศักดิ์ได้รับจากการศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นในระดับปริญญาเอก และได้นำมาใช้ในการทำงานเพื่อหวังพัฒนาประเทศไทย
“การที่นักวิทยาศาสตร์จะเปลี่ยนมาเป็นนักธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นความท้าทายที่เต็มไปด้วยความกดดัน และความเสี่ยง แต่ถ้าผมยังคิดเหมือนเดิม ประเทศจะไม่พัฒนา เพราะประเทศอื่นๆ เขาคิดไปอีกแบบ ประเทศต้องพัฒนางานวิจัยให้กลายเป็นนวัตกรรม จึงจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้”
“งานวิจัยหลายชิ้นในประเทศไทย แม้ว่าจะถูกมองว่าดี แต่การที่มันจะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาคือความรู้ที่ได้มานั้นไม่ลึกซึ้ง ไม่มั่นคง ความรู้ที่ลึกจริงจะทำให้เรามองเห็นภาพรวมทั้งหมดได้อย่างชัดเจน”

จากการอ่านข้างต้น เราคงสรุปได้ว่าการทำอะไรสักอย่าง เราต้องรู้จริงและรู้ลึก นอกเหนือจากความสำเร็จในด้านหอยทากที่กล่าวถึงแล้ว ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อาจารย์สมศักดิ์ยังทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้วยการเป็นหนึ่งในทีมวิจัยที่ค้นพบ “ตะขาบน้ำตก” สปีชีส์ใหม่ของโลก และได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 2017 TOP TEN NEW SPECIES AWARD หรือ 1 ใน 10 การค้นพบสปีชีส์ใหม่ยอดเยี่ยมประจำปี ค.ศ. 2017 จากสถาบันนานาชาติเพื่อการสำรวจสิ่งมีชีวิต (IISE)

ใครจะคาดคิดว่าเพียงแค่การได้ใกล้ชิดกับกุ้ง หอย ปู ปลา ของลูกชาวนาคนหนึ่ง จะทำให้อาจารย์สมศักดิ์เดินทางมาจนถึงจุดที่สามารถเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อาจเริ่มต้นจากความสนุกสนานเล็กๆ ในอดีตของเราเองก็ได้