
“อดีต เป็นรากฐานของปัจจุบันและอนาคต” หลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้มาบ้าง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของ “อดีต” ที่มีต่อปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีช่วยให้เราสามารถบันทึกและเรียกดูอดีตได้ง่ายดาย การนำอดีตมาเปิดเผยเพื่อทำลายชีวิตของผู้อื่นจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ดังนั้น การกระทำในอดีตที่เราทำไปโดยไม่ไตร่ตรอง หรือขาดความรู้เท่าทัน อาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตปัจจุบันและอนาคตของเราได้ โดยเฉพาะสำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ แม้แต่คนทั่วไป หากเคยทำอะไรที่ไม่เหมาะสมในอดีต ก็อาจถูกทำลายได้เช่นกัน เพราะทุกวันนี้เรามีสิ่งที่เรียกว่า Digital Footprint ที่สามารถเปิดเผยอดีตของเราได้ทุกเมื่อ
ในยุคปัจจุบัน Digital Footprint มีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรา ทั้งสิ่งที่เราตั้งใจทำและสิ่งที่อาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว จากการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ที่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป
Digital Footprint คืออะไร?
Digital Footprint หรือรอยเท้าดิจิทัล หมายถึงร่องรอยที่เราทิ้งไว้จากการใช้งานอินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอัปโหลดข้อมูล การใช้สมาร์ตโฟน การโพสต์ข้อความ การแชร์ การกดไลก์ การเข้าชมเว็บไซต์ หรือแม้แต่การดูวิดีโอ ทุกการกระทำเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้และสามารถถูกติดตามกลับมาหาเราได้ ร่องรอยเหล่านี้สามารถเปิดเผยพฤติกรรม ความชอบ และความสนใจของเราให้ผู้อื่นรู้ได้อย่างละเอียด และหากมีผู้ไม่ประสงค์ดี ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในทางที่ผิดได้
Digital Footprint สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
Active Digital Footprint (ร่องรอยดิจิทัลที่ผู้ใช้ตั้งใจบันทึกเอง)
นี่คือข้อมูลดิจิทัลที่เราตั้งใจเปิดเผยด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น การกรอกข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล วันเกิด ประวัติการศึกษา หรือแม้แต่ความสนใจส่วนตัว การโพสต์รูปภาพ การเขียนคอมเมนต์ การแชร์เนื้อหา และการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ล้วนเป็นร่องรอยที่สามารถถูกติดตามได้ในภายหลัง และอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้หากถูกนำมาใช้ในทางที่ไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อมีมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้
มีหลายกรณีที่เกิดขึ้นกับบุคคลมีชื่อเสียง ซึ่งความคิดหรือการกระทำในอดีตส่งผลต่อภาพลักษณ์และอาชีพการงานในปัจจุบัน บ่อยครั้งที่พวกเขาออกมาแสดงความเสียใจและบอกว่าเป็นความผิดพลาดจากวัยเยาว์ที่ยังขาดประสบการณ์และวุฒิภาวะ แม้ว่าจะลบข้อมูลเหล่านั้นไปแล้ว แต่ร่องรอยดิจิทัลยังคงอยู่และสามารถถูกค้นพบได้ตลอดเวลา ดังนั้น ก่อนโพสต์อะไรลงไป ควรคิดให้รอบคอบและใช้วิจารณญาณให้ดี เพราะทุกการกระทำอาจส่งผลต่ออนาคตได้
Passive Digital Footprint (ร่องรอยดิจิทัลที่ผู้ใช้ไม่ได้ตั้งใจบันทึก)
นี่คือข้อมูลดิจิทัลที่เราทิ้งไว้โดยไม่ได้ตั้งใจหรือแม้แต่รู้ตัว บางครั้งเราอาจไม่ทราบเลยว่าการคลิกแต่ละครั้งทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น IP Address ที่หลายคนไม่รู้จักหรือไม่ทราบว่าหมายเลขของอุปกรณ์ตัวเองคืออะไร ซึ่ง IP Address เป็นหมายเลขประจำเครื่องในเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP และสามารถระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ได้ การไม่รู้ว่า IP Address ถูกบันทึกทุกครั้งที่ออนไลน์อาจทำให้เราเผลอทำสิ่งผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ยังรวมถึงประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต ประวัติการค้นหา และแม้แต่รหัสผ่านที่ถูกบันทึกไว้โดยอัตโนมัติเพื่อความสะดวก รวมถึงคุกกี้ของเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่บันทึกข้อมูลการใช้งานของเรา สิ่งเหล่านี้เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าถูกเก็บไว้ และหากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหล มันอาจสร้างความเสียหายให้เราได้อย่างคาดไม่ถึง
Digital Footprint จากอดีตส่งผลต่ออนาคตได้อย่างไร
หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาจากพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในอดีต เนื่องจาก Digital Footprint หรือร่องรอยดิจิทัลที่ทิ้งไว้ บางคนในอดีตอาจไม่รู้จักหรือไม่สนใจว่า Digital Footprint คืออะไร และไม่คิดว่าสิ่งที่ทำไว้บนออนไลน์จะกลับมาหลอกหลอนในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อกลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียง สิ่งที่เคยโพสต์หรือคอมเมนต์ไว้ในอดีตอาจถูกนำมาเปิดเผยและทำลายอนาคตได้
องค์กรต่าง ๆ มักต้องการบุคลากรที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและกฎระเบียบขององค์กร ดังนั้น ปัจจุบันหลายบริษัทจึงใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียของผู้สมัครงานมาประกอบการตัดสินใจ นอกเหนือจากการสัมภาษณ์และทดสอบความสามารถ นี่หมายความว่าผู้หางานต้องระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลและความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ เพราะอาจส่งผลต่อโอกาสในการทำงานได้ ดังเช่นกรณีของดาราหรือนักแสดงหลายคนที่เคยประสบปัญหา
Digital Footprint เป็นตัวสะท้อนพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของเรา ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงทัศนคติและตัวตนทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมเว็บไซต์ การกดไลก์เพจ หรือการแสดงความคิดเห็น ล้วนเป็นร่องรอยที่ผู้อื่นสามารถติดตามและนำไปใช้ต่อได้ ดังนั้น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลจึงมักนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการพิจารณารับคนเข้าทำงาน เพื่อประเมินว่าผู้สมัครมีความเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรหรือไม่
แม้ว่าเราจะมีความสามารถและทำการสัมภาษณ์ได้ดีเพียงใด แต่ร่องรอยดิจิทัลในอดีต (หรือแม้แต่ปัจจุบัน) เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะลบไปแล้วหรือทัศนคติเปลี่ยนไป แต่ก็อาจสร้างอคติให้กับผู้คัดเลือกได้ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่องค์กรจะปฏิเสธผู้สมัครหากพบว่ามีการโพสต์ภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลที่ไม่เหมาะสมในอดีต
ในยุคที่การขุดอดีตและการเปิดเผยเป็นเรื่องสนุกสำหรับสังคม รวมถึงร่องรอยดิจิทัลที่ตามติดเราไปตลอด การโพสต์ ไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์ใด ๆ ควรคิดให้รอบคอบ หากจะโพสต์ก็ควรทำในทางสร้างสรรค์และเป็นมืออาชีพ แต่หากไม่มั่นใจก็ควรระงับใจไว้ดีกว่า เพราะการไม่โพสต์ทุกอย่างที่คิดแสดงถึงวุฒิภาวะและความยับยั้งชั่งใจ อย่าทำลายอนาคตของตัวเองด้วยการกระทำในอดีต