เรื่องราวชีวิตของ "อาร์ต พศุตม์" หนุ่มมาดเท่ หุ่นเฟิร์ม ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสยาม

อาร์ต พศุตม์ ไม่เพียงแต่เป็นหนุ่มหุ่นดีที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชายหลายคนเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่รักการเรียนรู้และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทอีกด้วย

วันนี้ Mytour Campus จะพาทุกคนไปรู้จักกับ ประวัติของ อาร์ต พศุตม์ หนุ่มหล่อหุ่นฟิต ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสยาม ให้มากขึ้น

ประวัติ อาร์ต พศุตม์

• อาร์ต มีชื่อจริงว่า พศุตม์ บานแย้ม
• เกิดวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525
• เป็นคนจังหวัดสมุทรสาคร
• มีความสูง 1.83 เมตร
• สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. สาขาช่างยนต์ จากวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร
• จบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณา (วิชาโท การหนังสือพิมพ์และสิ่งพิมพ์) มหาวิทยาลัยสยาม
• สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท คณะบัณฑิตวิทยาลัย หลักสูตรบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม
• IG : art_phasut98

อาร์ต พศุตม์ เริ่มต้นการศึกษาจากระดับ ปวช. สาขาช่างยนต์ ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร ก่อนจะศึกษาต่อในคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และต่อยอดด้วยปริญญาโทจากคณะบัณฑิตวิทยาลัย หลักสูตรบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงจากการประกวด Male Star Challenge 2007 ซึ่งเป็นโครงการค้นหานักแสดงใหม่ของช่อง 3 ทำให้เขาได้เซ็นสัญญากับช่อง 3 นอกจากนี้ เขายังมีความสามารถด้านดนตรี เช่น การเล่นกีตาร์ และกีฬาบาสเกตบอล

อาร์ต พศุตม์ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงผ่านการประกวด Male Star Challenge 2007 ซึ่งเป็นโครงการค้นหานักแสดงใหม่ของช่อง 3 และได้เซ็นสัญญากับช่อง 3 โดยมีผลงานละครเรื่องแรกคือ แม่ครัวคนใหม่ และ พฤกษาสวาท ต่อมาเขาได้แสดงบทพระเอกครั้งแรกในละครเรื่อง แม่หัวลำโพง คู่กับ พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ และแสดงต่อในภาค เทพธิดาปลาร้า คู่กับ ณปภา ตันตระกูล

อาร์ต พศุตม์ เป็นที่รู้จักจากผลงานละครโทรทัศน์มากมาย เช่น สายลับจับจิต, คู่กรรม, บางระจัน, เลือดมังกร, เมียหลวง และ เพลิงพระนาง นอกจากนี้ยังมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท และ โกลคลับ

ในปี พ.ศ. 2566 อาร์ต พศุตม์ ได้เปิดเผยว่าเคยถูกเพื่อนดาราหักหลัง ทำให้เขาตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับช่อง 3 และหันมาทำงานอิสระ ปัจจุบันเขามีธุรกิจร้านอาหารเป็นของตัวเอง

หลังจากหมดสัญญากับช่อง 3 อาร์ต พศุตม์ ได้หันมาทำงานอิสระเต็มตัว โดยมีธุรกิจร้านอาหารชื่อ "คุณชายหมูกรอบ" ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 เขาระบุว่าชื่นชอบการทำธุรกิจร้านอาหารมากกว่า เพราะสามารถบริหารเวลาได้อย่างอิสระ และไม่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งในวงการบันเทิง