เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาที่เราเดินทางด้วยเครื่องบิน สายการบินถึงไม่เตรียม ร่มชูชีพ ให้ผู้โดยสาร ทั้งที่อุปกรณ์นี้อาจช่วยชีวิตผู้คนได้ในสถานการณ์คับขัน
วันนี้ Mytour Campus จะพาทุกคนมาหาคำตอบว่า ทำไมเครื่องบินจึงไม่เตรียมร่มชูชีพ ให้ผู้โดยสารใช้ในกรณีฉุกเฉิน

เหตุผลที่เครื่องบินไม่เตรียมร่มชูชีพไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน
เครื่องบินโดยสารมีพื้นที่จำกัด และร่มชูชีพมาตรฐานมีน้ำหนักประมาณ 8-10 กิโลกรัม ซึ่งค่อนข้างหนัก นอกจากนี้ยังต้องมีการฝึกอบรมการใช้งานที่ถูกต้อง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ในกรณีที่เครื่องบินเกิดปัญหา ผู้โดยสารหรือพนักงานมักไม่มีเวลาเตรียมตัว รวมถึงการกระโดดร่มต้องมีการเว้นระยะห่างที่เหมาะสม แต่ผู้โดยสารที่ตกใจและไม่ได้รับการฝึกอาจทำให้เกิดความวุ่นวายและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

นอกจากนี้ ความสูงที่เครื่องบินโดยสารบินอยู่สูงกว่าความสูงปกติของการกระโดด Free Fall เกือบ 3-4 เท่า ซึ่งหมายความว่าผู้โดยสารต้องกระโดดร่มแบบ HALO Jump (High Altitude Low Opening) ซึ่งเป็นการกระโดดร่มทางยุทธวิธีที่ฝึกเฉพาะในหน่วยรบพิเศษ เช่น SEAL หรือ SAS แม้ว่าผู้โดยสารจะสามารถกระโดด HALO ได้ แต่ก็ต้องมีถังออกซิเจนและชุดช่วยหายใจเนื่องจากอากาศเบาบางที่ระดับความสูงนั้นอาจทำให้หมดสติจากภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) ได้ภายใน 1-2 นาที แม้จะมีอุปกรณ์ครบ แต่ด้วยความเร็ว 500-750 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเครื่องบินและขนาดของเครื่องบิน ทำให้ผู้โดยสารไม่สามารถกระโดดออกมาได้โดยไม่เสี่ยงต่อการชนกับส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องบิน
นอกจากนี้ ในกรณีฉุกเฉินเมื่อเครื่องบินเกิดขัดข้อง เครื่องบินยังสามารถลอยอยู่บนอากาศได้เป็นเวลานานพอสมควร ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักบินสามารถควบคุมเครื่องบินให้ลงจอดบนพื้นดินหรือพื้นน้ำได้ โดยหากเป็นการลงจอดบนพื้นน้ำ สายการบินก็จะมีอุปกรณ์ชูชีพเตรียมไว้ใต้ที่นั่งให้ผู้โดยสารอยู่แล้ว