วงดนตรี Musketeers จากเชียงใหม่ ที่มีเพลงฮิตติดหูมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของขวัญ, อยากให้เธอลอง, ไกล, ความทรงจำ, แค่บางคำ, แค่คุณ, Dancing, ใจความสำคัญ และเพลงล่าสุด พิจารณา ที่ฮิตติดชาร์ตหลายสัปดาห์ เริ่มต้นจากการได้โอกาสเข้าประกวดและได้รับการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงดังในสมัยนั้น
ล่าสุด เท็น ชาครีย์ ลาภบุญเรือง ได้มานั่งเล่าถึง 5 เพลงและ 5 เรื่องราวในรายการ 5TRACKS ทางช่องยูทูบ PEEPZ DOC เล่าถึงเส้นทางชีวิตและการเข้ามาเป็นศิลปิน
เริ่มจากการที่เท็นฟอร์มวงที่มหาวิทยาลัย เล่นตามงานคณะ แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงในวงการประกวด เขาจึงหันมาทำเพลงเองและอัปโหลดลงในแพลตฟอร์ม myspace ซึ่งได้รับความสนใจจากคนฟังกว่า 6 หมื่นคนในช่วงนั้น ทำให้เขามีความมั่นใจในการแต่งเพลงต่อไป
ในช่วงนั้นวงดนตรีที่เติบโตพร้อมกันก็มี Eletric Neon Lamp และ POLYCAT (ที่เคยใช้ชื่อว่า สกายเรนเจอร์) เรามักจะแลกเพลงกันฟัง เพลงแรกที่เท็นเลือกมาเป็น 'เพลงช้าง' และเมื่อถามถึงเหตุผลที่เลือกเพลงนี้ เท็นได้บอกไว้ว่า

"จำได้ว่าเพลงนี้ติดอยู่ในหัวมาตลอด ทุกครั้งที่คิดไม่ออกตอนเขียนเพลง ก็จะเอาเพลงช้างใส่ลงในเมโลดี้ มันกลายเป็นความทรงจำที่ไม่เคยลืม"
ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยเสียงดนตรี เพราะแม่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เวลาแม่สอนนักเรียนก็จะให้ฟังเพลงพร้อมดูเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ เราซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว เวลาที่แม่เตรียมการสอน มักจะเปิดเพลงให้ฟังอยู่เสมอ
พ่อเป็นนักดนตรี เล่นกลองและกีตาร์ เราเห็นมาตั้งแต่เด็กและรู้สึกว่ามันเท่ดี แม้ว่าพ่อจะไม่เคยสอนอะไรเรา แต่สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อเรา จนเมื่อเรียนรู้จากเพื่อนที่เล่นดนตรีในห้องเรียน ทำให้เราอยากเล่นดนตรีมากขึ้น
แทร็กที่สองคือเพลง 'เจ้าขุนทอง' เท็นเล่าว่า ทุกเช้าก่อนออกจากบ้านไปโรงเรียน ที่บ้านจะเปิดเพลงนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าเราใกล้สายแล้ว และมันเป็นเพลงที่เริ่มฝึกเขียนเพลงแรกๆ โดยการแปลงเพลงนี้มาแซวเพื่อนๆ
แทร็กที่สามคือเพลง 'ใจสั่งมา' ซึ่งเป็นเพลงแรกที่เท็นเริ่มเล่นกีตาร์ หลังจากนั้นเขาเริ่มเปิดโลกดนตรีไปหาฟังเพลงแปลกๆ ที่คนอื่นไม่ค่อยฟังแล้วเอามาให้เพื่อนๆ ฟัง เพราะรู้สึกว่าเพลงเหล่านั้นมีความสวยงามในแบบของมัน

จนมาถึงจุดที่เราตั้งวงดนตรี ถึงตอนนั้นยังเล่นดนตรีไม่ค่อยเก่งเลย แต่เราซ้อมกันทุกเย็น ด้วยความกล้าหาญมากกว่าความสามารถ เพราะเราเรียนกฎหมายมา ไม่ได้มีพื้นฐานดนตรีเลย แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยเรียนวิศวะ แต่ไม่ชอบคำนวณ เลยตัดสินใจเปลี่ยนไปเรียนกฎหมายแทน
เพลง 'พิจารณา' ก็เกี่ยวข้องกับกฎหมายเหมือนกัน เพราะเนื้อเพลงเราใส่ท่อนท้ายว่า 'ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ขอศาลจงโปรดพิจารณา' ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกฎหมายกับเนื้อหาของเพลง
ถามว่าการเรียนกฎหมายมีผลกับชีวิตตอนนี้ไหม เท็นบอกว่า ก็มีบ้าง อย่างตอนนี้ก็ใช้กฎหมายในธุรกิจที่ทำอยู่ เช่นกฎหมายแรงงานก็ช่วยได้มาก และในช่วงที่จบใหม่ๆ เท็นเคยเป็นทนาย แล้วไปสมัครงานที่ธนาคาร แต่ทำได้แค่สัปดาห์เดียวก็ลาออก
แทร็กที่สี่คือเพลง 'อยู่ที่เธอ' ซึ่งเป็นเพลงแรกที่เขียนอย่างเป็นทางการของ Musketeers ย้อนกลับไปตอนเรียนปี 2 ปี 3 ตอนที่เกิดสึนามิที่ใต้ เราได้ไปช่วยเป็นอาสาสมัครนักศึกษาฝึกงานดูแลเรื่องที่ดิน ช่วยพิสูจน์ทราบว่าบ้านป้าอยู่ตรงไหน เพราะน้ำพัดไปหมด เราก็ไปเขียนแบบตามที่เขาบอก

วันนั้นเราเลยคุยกับเพื่อนว่า มหาวิทยาลัยอื่นๆ สร้างบ้าน สร้างศาลา แต่เรามีแค่ 4 คน ไม่สามารถทำแบบเขาได้ เลยคิดว่าจะทำยังไงให้ชาวบ้านจำเราได้ เลยเขียนเพลง 'สึนามิ' เพราะคิดว่าเพลงจะอยู่ตลอดไม่เหมือนศาลาที่สร้างแล้วผ่านไป 10 ปีก็เก่า เพลงกลับอยู่ตลอดไปไม่มีวันหายไป
จนวันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่มาถามว่าเพลงที่เราซ้อมกันทุกวันคือเพลงอะไร เราก็เลยบอกไปว่าเป็นเพลงที่ทำให้ชาวบ้าน จากนั้นเขาบอกว่าจะมีการประกวดดนตรีเพื่อสังคม เราก็เลยได้เข้าร่วมประกวดและได้ที่ 1 จากนั้นก็ไปทัวร์คอนเสิร์ตกับ Sqweez Animal และ Playground ทุกที่ และคนก็เริ่มรู้จักเรา
หลังจากนั้นเราก็ได้ไปเจอกับค่ายบีลีฟ เรคคอร์ด ซึ่งส่งเพลงไปประกวด ที่มาของการเข้าอยู่ในค่ายนี้ เราก็ส่งเพลงไปหลายค่าย แต่บีลีฟเขาก็มาจีบเราอย่างหนัก บินมาหาที่เชียงใหม่จนเราประทับใจ
ช่วงแรกของการเป็นศิลปินมันลำบากมาก ยังไม่มีงานเข้ามา เราก็เริ่มคิดว่าจะทำยังไงดี เพราะมันเป็นแค่การโปรโมต ยังไม่มีงานจ้างจริงจัง ตอนนั้นเราก็ทำงานโปรโมตกันไปเรื่อยๆ ครึ่งปีเลยทีเดียว
จนถึงเพลง 'ของขวัญ' ซึ่งจริงๆ แล้วมันถูกตัดออกจากอัลบั้ม เพราะตอนนั้นเรายังไม่ค่อยอินกับเพลงรัก แต่พอมีงานแต่งเพื่อนในวง เขาชวนให้เขียนเพลงให้เป็นของขวัญให้พี่เขา ทีนี้โปรดิวเซอร์ก็ถามว่า ทำไมไม่เอาเพลงนี้มาใส่ในอัลบั้ม เราบอกว่าเพลงนี้มันหวานเกินไปไม่เหมาะกับคอนเซปต์ของเรา แต่สุดท้ายก็ปล่อยเพลงนี้ออกไป และมันกลายเป็นเพลงฮิตได้ เป็นเพลงประกอบละครและเพลงงานแต่ง
ในช่วง 6 เดือนที่ไม่มีงานเข้ามา เราก็นั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกัน ใครมีเงินก็รวมกันซื้อ พอกลับไปคิดถึงตอนนั้นก็รู้สึกสนุกดี แม้ว่ามันลำบาก แต่ทำให้เราเติบโตมาแบบนี้ ทำให้เราคิดเยอะขึ้นและไม่มั่วซั่ว จนผ่านจุดนั้นมา ถึงแม้เราจะไม่อยากลำบาก แต่เราก็ต้องสูญเสียมือกลองไป เพราะพอไม่มีรายได้และที่บ้านไม่ได้ซัพพอร์ต เขาก็ต้องออกจากวงไปทำงานประจำ

แทร็กสุดท้าย แทร็กที่ 5 กับเพลง 'นิทาน' ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งจากคติประจำใจ เพลงนี้ไม่ว่าจะในยุคไหนก็ยังคงเปิดฟังได้เสมอ แม้บางเพลงจะลืมไปบ้าง แต่เพลงนี้ทำให้เรานึกย้อนถึงบางช่วงเวลาที่เคยเขียนเพลงนี้ บางครั้งเพื่อนเปิดฟังแล้วก็ต้องสะดุดใจว่า อ้าว! เราเคยแต่งเพลงนี้เหรอ
เพลง 'นิทาน' ได้รับแรงบันดาลใจจากตอนที่แม่มักจะคอยเตือนเรื่องการเรียน ซึ่งบางครั้งก็ทำให้รู้สึกท้อใจ เพราะมันยากเกินไป จนเราเอาคติประจำใจที่เราเขียนไว้มาใช้และคิดว่า ทำไมไม่เขียนเป็นเพลงเลยล่ะ? นั่นแหละจึงเป็นที่มาของเพลง 'นิทาน' ที่เต็มไปด้วยความหมายเป็นการปลุกใจ
เท็นยังเล่าถึงช่วงที่รู้สึกแป้ก ว่าเคยพูดกับเพื่อนว่า 'ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวหาคนมาร้องนำแทนก็ได้ แต่เราจะเขียนเพลงอยู่ข้างหลัง' แต่เพื่อนกลับตอบว่า 'ไม่เอา มึงต้องอยู่!' นี่แหละที่ทำให้รู้ว่าเพื่อนคือกำลังใจสำคัญที่ทำให้เราเดินมาถึงจุดนี้
เมื่อถามว่าเคยมีปัญหากับเพื่อนในวงไหม? เท็นตอบว่า เคยมี เพราะเราเรียกมันว่า 'โรคนักร้อง' คือบางครั้งเราอาจจะไม่ได้ฟังความคิดเห็นของคนอื่น หรืออินกับอะไรบางอย่างมากเกินไปจนทำให้ห่างจากเพื่อน แต่เมื่อถึงเวลาคุยกันก็จะเข้าใจ และเพื่อนก็จะปล่อยเราไป ทำให้เรารู้ว่าเพื่อนจะอยู่เคียงข้างเสมอเมื่อเรากลับมา
เพลง 'พิจารณา' เคยทำให้เราออกไปสนใจธุรกิจและการเมือง จนถึงขั้นพูดกับเพื่อนว่าจะลงสมัคร ส.ส. แต่เมื่อมีแฟนเพลงทักมาถาม เราก็ตอบว่า 'ยังไม่ใช่' แต่ก็อาจจะมีโอกาสเห็นแนวทางใหม่ๆ ในเพลงถัดไป ตอนนี้เรายังสนุกกับการทำเพลง และเพลงถัดไปคือเพลง 'Romantic' ซึ่งเรากำลังเตรียมอัลบั้มใหม่ ฝากติดตามด้วยนะครับ
อย่าลืมติดตามรายการ 5TRACKS 5 เพลง 5 เรื่องราว ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 19.00 น. ทางช่องยูทูบ PEEPZ DOC
