
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะไปเยือนอ่าวมาหยา แลนด์มาร์กยอดนิยมในหมู่เกาะพีพี พร้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และข้อกำหนดต่าง ๆ ที่สำคัญ
อ่าวมาหยาเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงของหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยความงดงามของธรรมชาติบนเกาะพีพีเล ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวรรค์แห่งอันดามัน เพราะมีลักษณะพื้นที่เป็นอ่าวคล้ายพระจันทร์ ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนจากการพังทลายของหน้าผาอย่างเป็นธรรมชาติ
อ่าวมาหยาอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึง 30 กรกฎาคม ของทุกปี ส่วนในช่วงวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน อ่าวมาหยาจะปิดเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูและดูแลรักษาพื้นที่
จากการฟื้นฟูธรรมชาติในช่วงโควิด-19 อ่าวมาหยาได้กลับมามีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยมีสัตว์ทะเลจำนวนมากรวมถึงฉลามครีบดำที่เป็นจุดเด่น ซึ่งในปี พ.ศ. 2566 นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมามากขึ้น จึงทำให้ฉลามครีบดำที่เคยอาศัยในอ่าวมาหยาค่อย ๆ หายไปเนื่องจากการกลับมาของคนจำนวนมาก
อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการท่องเที่ยวที่เน้นการอนุรักษ์ จึงได้มีการเพิ่ม กฎระเบียบและเงื่อนไขสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเยือน “อ่าวมาหยา” ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
- ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าอ่าวมาหยาจากฝั่งหน้าเกาะได้แล้ว ต้องใช้เส้นทางทางด้านหลังเกาะ โดยมีท่าเรือรองรับ และสามารถใช้เรือหางยาว สปีดโบ๊ต และเรือยางในการเข้าไปได้
- หาดด้านหน้าของอ่าวมาหยาเหมาะสำหรับการถ่ายภาพหรือเดินเล่น แต่ห้ามเล่นน้ำ หากต้องการดำน้ำตื้นหรือเล่นน้ำ ต้องใช้หาดด้านหลังของอ่าวมาหยาเท่านั้น
- อ่าวมาหยาจำกัดจำนวนผู้เข้าชมไว้ที่ 4,125 คนต่อวัน โดยแบ่งการขึ้นเกาะเป็น 11 รอบ รอบละไม่เกิน 1 ชั่วโมง จำกัดที่ 375 คนต่อรอบ ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.
- นักท่องเที่ยวสามารถชำระค่าเข้าอุทยานผ่านระบบ E-Ticket ได้โดยการจ่ายออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน QueQ เพื่อช่วยลดความแออัดและเพิ่มความสะดวกในการท่องเที่ยว
- ห้ามบินโดรนโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3), Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate), 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben เนื่องจากเป็นอันตรายต่อปะการังและสัตว์ทะเล
กฎระเบียบและข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมานี้ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยอย่าง “อ่าวมาหยา” ให้คงความเป็น “สวรรค์แห่งอันดามัน” ต่อไปในอนาคต