ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว, “รศ.พญ.ลดาวัลย์ สุวรรณกิตติ” ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายฝังเข็มและบำบัดอาการปวด ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อพัฒนาวิธีการรักษาคนไข้ในรูปแบบใหม่ที่คิดค้นโดยตัวเองในชื่อ “ดุลยภาพบำบัด”. ปัจจุบันศาสตร์แห่งการสร้างสุขภาพด้วยตนเองได้แพร่หลายไปทั่ว ทั้งนี้เกิดจากการทุ่มเทต่อยอดของ “พันเอกหญิง ผศ.ดร.พญ.ดังใจ สุวรรณกิตติ”, รองหัวหน้าภาควิชาสรีรวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า, ทายาทผู้สืบทอดแนวทางดุลยภาพบำบัด ซึ่งมีความหวังที่จะเห็นคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างมีความสมดุล
“เมื่อกว่า 40 ปีก่อน, คุณแม่เริ่มค้นหาวิธีใหม่ในการรักษาคนไข้, มุ่งมั่นที่จะไม่ให้คนไข้ต้องกลับมาหาหมอซ้ำอีก. วิธีการที่มีในขณะนั้น แม้ว่าจะทำให้คนไข้ดีขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นแค่การแก้ปัญหาชั่วคราวจนต้องกลับมาหาหมออีก. คุณแม่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ “EPPENDORF HAMBURG” ประเทศเยอรมนี และเริ่มต้นการฝังเข็มแบบจีนที่โรงพยาบาลศิริราชหลังจากศึกษาดูงานที่ประเทศจีน. เมื่อรักษาคนไข้, ท่านพบคำถามมากมายและเริ่มเชื่อมโยงกายวิภาคศาสตร์กับสรีรวิทยาเพื่ออธิบายอาการโรคต่างๆ. คุณแม่เริ่มฝึกการบริหารแบบต่างๆ และสังเกตพฤติกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างร่างกายระยะยาว, โดยที่คุณแม่มักจะพกกล้องเพื่อบันทึกภาพพฤติกรรมเหล่านี้เสมอ. คุณแม่มักพูดเสมอว่าพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบในระยะยาวกับโครงสร้างร่างกายของเรา.”

คุณแม่ทุ่มเทให้กับการพัฒนาศาสตร์ดุลยภาพบำบัดขนาดไหน
จำได้ว่าเมื่อเด็กๆ หากไม่สบาย, คุณแม่จะคอยอยู่ข้างๆ เสมอ, ทั้งการยืดเหยียดและการฝังเข็มให้. ไม่ว่าจะเป็นอาหารเป็นพิษ, ไข้ หรือปวดท้อง, หมอแทบจะไม่เคยทานยาเม็ดๆ เลย. เนื่องจากเติบโตในช่วงที่คุณแม่ค้นพบและพัฒนาวิธีดุลยภาพบำบัด, ทำให้รู้สึกว่าแม่เกิดมาเพื่อเป็นหมอและเป็นผู้ให้แบบ 100%. หลังจากเลิกเรียน, ทุกวันฉันจะไปรอคุณแม่ที่ห้องพักแพทย์ ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องฝังเข็ม. แม้จะมีคนไข้รอรักษามากมายและมีนักศึกษาแพทย์เข้ามาศึกษาดูงาน, แต่คุณแม่ก็ยังคงทุ่มเทในการรักษาโดยไม่สนใจเวลา. คุณแม่เริ่มใช้การฝังเข็มแบบจีนในการผ่าตัดสมองและไทรอยด์, พบว่าแม้ใช้ในจุดที่ตรงตามตำรา, ผลลัพธ์ในสองซีกของร่างกายก็ยังมีความแตกต่างกัน. หมายความว่าร่างกายของคนไข้ทั้งสองซีกนั้นไม่เหมือนกัน. การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างร่างกายในแต่ละยุคสมัยทำให้การฝังเข็มควรจะปรับเปลี่ยน. คุณแม่เริ่มใช้กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยามาคิดและเชื่อมโยงกันทุกระบบในการรักษา. เมื่อรักษาคนไข้หลายกลุ่มอาการ, คุณแม่พบว่าอาการปวดที่เกิดขึ้นในร่างกายมีลักษณะเหมือนกันและวิธีการรักษาเดิมไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆ. คุณแม่จึงค้นพบศาสตร์ที่เรียกว่า “ดุลยภาพบำบัด” และใช้มันในการรักษาคนไข้, รวมถึงใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและคนใกล้ชิด.”

หัวใจสำคัญของดุลยภาพบำบัดคืออะไร
ดุลยภาพบำบัดเป็นวิธีการดูแลรักษาร่างกายด้วยความสมดุล โดยการเข้าใจคนในมุมมองแบบองค์รวม. ร่างกายของแต่ละคนในแต่ละวันมีความแตกต่างกัน, ดังนั้นการรักษาต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายในแต่ละครั้ง. การรักษาต้องอาศัยการสังเกตอย่างรอบคอบ, และไม่ควรมองร่างกายแยกเป็นส่วนๆ. ตัวอย่างเช่น กระเพาะอาหารและลำไส้จะทำงานได้ดีต้องอาศัยสัญญาณจากระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งเริ่มต้นที่แกนสมองแล้วผ่านไขสันหลังไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย. ระบบประสาทและเส้นเลือดต้องทำงานร่วมกันอย่างดีเพื่อให้การไหลเวียนเลือดมีประสิทธิภาพ. การฟื้นฟูความสมดุลในร่างกายด้วยดุลยภาพบำบัดจะช่วยตรวจจับสัญญาณผิดปกติจากร่างกายที่อาจไม่ตรงกับโรคตามที่แพทย์ทั่วไปอธิบาย, ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม. การแก้ไขความไม่สมดุลเหล่านี้สามารถทำได้โดยใช้หลัก 7E ของดุลยภาพบำบัด.

อยากเรียนรู้ดุลยภาพบำบัดควรเริ่มต้นอย่างไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักโครงสร้างร่างกายของตัวเอง. เราต้องมองร่างกายของเราด้วยมุมมองแบบองค์รวม. กระดูกเหมือนเสาของบ้าน, กล้ามเนื้อที่เชื่อมโยงกระดูกให้ขยับหรือคงที่เหมือนกับสลิงที่ดึงให้โครงสร้างเคลื่อนที่. เส้นประสาทเหมือนกับสายไฟที่ส่งสัญญาณ, ส่วนหลอดเลือดเหมือนท่อที่นำเอาออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ. เมื่อกระดูกและกล้ามเนื้อขยับ, มันจะส่งผลถึงเส้นประสาทและหลอดเลือด. เมื่อเรารู้จักโครงสร้างร่างกายของตัวเองที่มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน, เราควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ร่างกายเกิดความบิดเบี้ยว. การยืดเหยียดด้วยท่าบริหารดุลยภาพบำบัดจะช่วยปรับสภาพโครงสร้างร่างกาย, ซึ่งเป็นการปฐมพยาบาลให้ร่างกายของเราเอง.

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้โครงสร้างร่างกายบิดเบี้ยว
โครงสร้างร่างกายที่บิดเบี้ยวสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ในครรภ์มารดา เช่น ในกรณีที่เกิดภาวะรกพันคอในระหว่างการคลอด ซึ่งอาจทำให้กระดูกคอผิดรูปได้. นอกจากนี้อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในกิจวัตรประจำวันหรือระหว่างการเล่นกีฬา ก็สามารถส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อโครงสร้างร่างกายได้. ผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้มักไม่ชัดเจนในตอนแรก เปรียบเสมือนพายุที่พัดผ่านบ้านหรือต้นไม้ทีละน้อย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อบ้านล้ม หรือเมื่อเรารู้สึกถึงอาการผิดปกติที่ชัดเจน.

โครงสร้างร่างกายที่เสียสมดุลสามารถก่อให้เกิดอาการอะไรได้บ้าง
หากเปรียบเทียบร่างกายของเราเป็นโครงสร้างของบ้าน เสาและคานจะเปรียบเหมือนกระดูกและกล้ามเนื้อ, ส่วนสายไฟเปรียบเสมือนเส้นประสาท และท่อสำหรับน้ำเปรียบเหมือนหลอดเลือด. เมื่อกระดูกและกล้ามเนื้อเกิดการบิดเบี้ยว, มันจะทำให้เส้นประสาทและหลอดเลือดเกิดการบิดตามไปด้วย. เหมือนกับการที่เสาและคานของบ้านมีการขยับและบิด, ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายไปทั่วทั้งบ้านในทันที. ดังนั้น, โครงสร้างร่างกายที่ไม่สมดุลสามารถเชื่อมโยงไปยังอาการต่างๆ ได้ทุกประการ.

การบริหารร่างกายแบบดุลยภาพบำบัดให้ได้ผลต้องทำอย่างไร
การบริหารร่างกายแบบดุลยภาพบำบัดคือการปรับโครงสร้างร่างกายผ่านการทำงานของกล้ามเนื้อด้วยตัวเราเอง. การเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดคือการหายใจให้มีประสิทธิภาพ, เพราะการหายใจเป็นขั้นตอนแรกในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย. แพทย์มักแนะนำให้คนไข้ทราบว่าเคล็ดลับในการบริหารแบบดุลยภาพบำบัดที่ถูกต้องคือการนำสติ (Emotion) ไปไว้ที่ตำแหน่งที่กำลังยืดเหยียดในแต่ละท่าของการบริหาร, พร้อมกับไม่กลั้นหายใจ. ทุกท่าบริหารจะใช้กล้ามเนื้อตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า, แต่จะมีการเน้นบางส่วนของร่างกายมากขึ้นในแต่ละท่าบริหาร ซึ่งแตกต่างจากการยืดแบบอื่นๆ ที่มักเน้นเฉพาะจุดเดียว.

โรคอะไรคือโรคยอดฮิตที่รักษาหายด้วยดุลยภาพบำบัด
อาการเวียนศีรษะ, บ้านหมุน, เสียงดังในหู, ภูมิแพ้, อาการวูบ และออฟฟิศซินโดรมที่พบมากในยุคนี้ ล้วนเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกัน และดุลยภาพบำบัดสามารถช่วยจัดการกับอาการเหล่านี้ได้หลายแบบ บางอาการสามารถหายขาดได้ 100% บางอาการสามารถเสริมการรักษาที่มีอยู่ และบางอาการสามารถช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษาที่ทำอยู่ได้เช่นกัน.

อะไรคือภารกิจใหญ่ของผู้สืบสานตำนานดุลยภาพบำบัด
คุณแม่ฝากไว้ว่าความเข้าใจในเรื่องดุลยภาพบำบัดจะช่วยให้ประชาชนสามารถดูแลรักษาตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา หมอได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดตามเจตนารมณ์ของคุณแม่ โดยเปิดหลักสูตรดุลยภาพบำบัดให้กับนักศึกษาแพทยศาสตร์ที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า, สร้างโรงเรียนต้นแบบดุลยภาพบำบัด, และพัฒนาแพลตฟอร์มสุขภาพองค์รวมสำหรับบุคคล ผ่านมูลนิธิดุลยภาพบำบัดในพระอุปถัมภ์ฯ ซึ่งร่วมก่อตั้งโดยคุณแม่ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงบ้านสวนสหคลินิกให้เหมาะสมกับยุคสมัย และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ รวมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชัน “somdulplus” เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความรู้เกี่ยวกับดุลยภาพบำบัดบนมือถือและดูแลสุขภาพด้วยตัวเองได้ หมอจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้ดุลยภาพบำบัดเติบโตและเป็นประโยชน์แก่ทุกคนตามที่คุณแม่ทุ่มเทชีวิตเพื่อก่อตั้งศาสตร์นี้.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์Mytour