พระพุทธชินราชใบเสมา พิมพ์กลาง เนื้อชินเงิน เป็นพระกรุยอดนิยมเบอร์ต้นที่มีความงดงามที่สุด

• องค์ที่สองเป็น พระลีลาถ้ำหีบ กรุวัดถ้ำหีบ สุโขทัย พระกรุพระเก่า พุทธศิลป์สมัยสุโขทัยที่บริสุทธิ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพระพิมพ์ปางลีลาที่งดงามที่สุด ด้วยเส้นศิลป์ที่อ่อนช้อย ท่วงท่าลีลาที่สมจริง ซึ่งดูทรงพลังเหนือกว่าพระพิมพ์ปางลีลาอื่นๆ เช่น กำแพงเพชร พิษณุโลก สุพรรณบุรี...พระพิมพ์นี้ถูกค้นพบโดยชาวบ้านที่ขึ้นหาขี้ค้างคาวในถ้ำวัดร้าง บนเขากิ่วอ้ายมา (ถ้ำหีบ) วัดเจดีย์งาม วัดเขาพระบาทน้อย...ลักษณะเป็นพระพิมพ์ยืนปางลีลายอดแหลม สูง 8.5 ซม. กว้าง 2.5 ซม. หลังเป็นรอยกดลายมือ มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์ข้างเม็ด เนื้อพระเป็นดินเผาและชินตะกั่ว...พระพิมพ์นี้ถือเป็นพระพิมพ์ปางลีลาที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมสูง แต่จำนวนพระมีน้อย ปัจจุบันหาพระแท้ที่สมบูรณ์และสภาพดีเช่นนี้ได้ยากมาก จึงถือเป็นพระทรงคุณค่า ด้วยพุทธศิลป์และอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่ควรได้รับการอนุรักษ์

• องค์ถัดไป พระพุทธชินราชใบเสมา พิมพ์กลาง เนื้อชินเงิน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก เป็นพระกรุที่ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยพุทธศิลป์สมัยสุโขทัยผสมกับอิทธิพลจากอู่ทองในยุคต้น ฝีมือการหล่อพระของช่างเมืองพิษณุโลก...พระเนื้อโลหะผสม (ชินเงิน) ถูกเทหล่อในรูปแบบครึ่งซีกรูปทรงเสมา ด้านหน้าจำลองพระพุทธองค์ในปางมารวิชัยยืนอยู่เหนือฐานบัวคว่ำ บัวหงายในซุ้มเรือนแก้ว ด้านหลังเรียบและมีลายผ้า...พระพิมพ์นี้พบครั้งแรกในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก ราวปี พ.ศ. 2440 สมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองพิษณุโลก เชื่อกันว่าเป็นพระที่พระมหาธรรมราชาบรรจุไว้ในกรุของวัด ซึ่งมีองค์พระพุทธชินราชเป็นพระประธาน ด้วยลักษณะของรูปทรงเสมาและพิมพ์องค์พระที่มีพุทธลักษณะคล้ายพระพุทธชินราช จึงมีชื่อเรียกว่า พระพุทธชินราชใบเสมา...พระพิมพ์นี้ยังพบในกรุอื่นๆ เช่น กรุพระปรางค์ กรุอัฏฐารส กรุเขาสมอแคลง กรุพรหมพิราม และกรุเขาพนมเพลิง ทั้งนี้มีทั้งเนื้อชินเงินและเนื้อดินเผา พิมพ์มีทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก รวมทั้งมีหลายแบบทั้งฐานสูงและฐานเตี้ย ทุกพิมพ์ได้รับความนิยมอย่างสูงและราคาในตลาดหลักแสนหลักล้าน องค์นี้ของคุณนรี ชีวสุทธิศิลป์ (ทราย มาดามฟิน) เป็นพระพิมพ์กลางสภาพงามสมบูรณ์ ผิวปรอทเดิมๆ ถือเป็นสุดยอดในรุ่นนี้

• พระชัยวัฒน์กะไหล่ทอง สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ กรุงเทพมหานคร ถูกสร้างในสมัยที่พระพรหมมุนีดำรงฐานะระหว่างปี พ.ศ. 2458-2460 จำนวน 28 องค์ โดยใช้เนื้อนวโลหะและกะไหล่ทองในรูปแบบที่มีสีนากกลับขาวแล้วเปลี่ยนกลับดำ...พระชัยวัฒน์นี้มีลักษณะพิเศษ เนื่องจากมีการร่วมสร้างจากคณะศิษย์หลายสกุล ซึ่งทำให้มีลักษณะฝีมือตกแต่งที่แตกต่างกัน องค์นี้ของเสี่ยพิเชษฐ์ ศิริชัย มีลักษณะพิเศษ แขนตัน ฐานอุดผง หุ้มเงิน ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะพิเศษและหายากที่สุดในรุ่นนี้

• อีกหนึ่งสำนักคือ เหรียญหล่อหลวงปู่ทวดหลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ A โดยพระครูวิสัยโสภณ (อ.ทิม) วัดช้างให้ ปัตตานี ที่สภาพสมบูรณ์และงามระดับแชมป์ในคอลเลกชั่นของเสี่ยเฉิน รังเทพ...พิมพ์พระคมชัด เนื้อโลหะสีเข้มขลัง คราบขี้เบ้าที่เกาะกับผิวพระมีความเป็นเอกลักษณ์ จุดตำหนิลี้ลับสามารถส่องดูได้ครบถ้วน และรอยตะไบได้มาตรฐานพระแท้แบบสมบูรณ์จริงๆ

• พระปิดตาปลดหนี้ เนื้อเกสร ของพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในพระเถระที่มีชื่อเสียงอมตะในยุคปีกึ่งพุทธกาล จนถึงปัจจุบัน...ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2429 ที่บางน้อย จังหวัดสมุทรสงคราม และบวชเป็นพระเณรตั้งแต่ตอนอายุ 4 ปี ที่วัดประดู่ฉิมพลี ก่อนอุปสมบทเมื่ออายุ 17 ปี ในปี พ.ศ. 2450 โดยมีพระครูสมณธรรมสมาทาน (แสง) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นท่านได้ศึกษาทั้งคันถธุระและวิปัสสนากรรมฐาน จนเป็นเจ้าอาวาสวัดประดู่ในปี พ.ศ. 2455...หลวงปู่โต๊ะยังได้ศึกษาวิชาอาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน เช่น หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ และหลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน รวมถึงใช้วิชาอาคมช่วยเหลือชาวบ้านด้วยความเมตตา...เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการพระเครื่องด้วยอาคมเข้มขลัง ทำให้ท่านได้รับการเชิญเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกงานสำคัญทั้งในงานราษฎร์และงานหลวงจนถึงมรณภาพในปี พ.ศ. 2532...ท่านได้สร้างพระเครื่องและของขลังหลายรุ่น รวมถึงพระปิดตาปลดหนี้ ซึ่งมีทั้งเนื้อใบลานและเนื้อเกสร รุ่นนี้ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะองค์ที่สร้างในร้าน D.M.หลวงปู่โต๊ะ ซึ่งสภาพสวยสมบูรณ์เต็มร้อยเหมือนใหม่ ราคาปัจจุบันถึงหลักแสนแล้ว

• ต่อเนื่องกับพระพุทธทรงครุฑ หลังพระพุทธชินราช พ.ศ. 2473 หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าองค์พระเนื้อโลหะผสมที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพระหล่อโบราณยอดนิยมจากลุ่มน้ำท่าจีน...แม้จำนวนการสร้างจะมีน้อย พบเพียงแค่ 7 องค์ในวงการ และแต่ละองค์มีสภาพแตกต่างกัน แต่สำหรับองค์นี้ของเสี่ยบอมเบย์ สุพรรณนั้น ถือว่าเป็นองค์ที่มีสภาพสมบูรณ์เดิมๆ กระแสน้ำทอง คราบดินขี้เบ้ายังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า

• สุดท้ายนี้พระราหูกะลาแกะจากหลวงพ่อกริ่ง วัดโพธิ์เลี้ยว จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง โดยเฉพาะในด้านการสร้างพระราหูกะลาแกะที่มีความสืบทอดกันมายาวนาน...ในองค์นี้จุดเด่นอยู่ที่อายุของเนื้อกะลาและลายมือจารอักขระด้านหลัง ซึ่งสามารถสังเกตได้ชัดเจน...จำไว้ให้แม่นเพื่อแยกแยะของศิษย์และอาจารย์ได้ถูกต้อง หรือหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถดูของจริงได้ที่ร้านของเสี่ยพิเชษฐ์ ศิริชัย...สำหรับผู้ที่สนใจ หากไม่สามารถครอบครองได้ ขอแนะนำให้ไปบริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทย ซึ่งทุกคนที่บริจาคจะได้รับผ้ายันต์พระราหูที่มีพระนารายณ์ทรงครุฑประทับบนพระราหู ซึ่งสมเด็จธงชัย วัดไตรมิตรฯ ได้เมตตาเสกไว้ถึง 2 แสนผืน เพื่อเสริมมงคลชีวิต ค้าขายดี ไม่มีขาดทุน

• เรื่องราวสุดท้ายที่ฝากท้ายสงกรานต์ในพระอุโบสถ วัดระฆังฯ โดยนายสิทธิชัย เจ้าของร้านอาหารดังย่านวังหลัง ซึ่งได้นำดอกไม้ธูปเทียนและน้ำอบมาถวายบูชาองค์พระประธาน...หลังจากนั้นท่านได้นั่งขัดสมาธิ ทำสมาธิอยู่นาน จนพระในวัดสงสัยจึงไปสอบถาม ท่านตอบว่า กำลังอธิษฐานขอลาภ...พระก็เตือนท่านว่า ค้าขายดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ขอแบ่งให้ผู้อื่นบ้าง ซึ่งท่านยิ้มและบอกว่า ขอแค่พระสมเด็จวัดระฆังฯ องค์งามๆ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เท่านั้น อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง