“ประจำเดือน” เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของเด็กหญิง สำหรับผู้ที่วางแผนมีบุตรและพบว่าประจำเดือนขาด นี่อาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่ประจำเดือนไม่มา หรือมาไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มา

ประจำเดือน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Menstruation เป็นกระบวนการที่ร่างกายปล่อยเลือดจากโพรงมดลูกออกมาทางช่องคลอด ระยะเวลาของประจำเดือนในแต่ละคนอาจแตกต่างกัน อยู่ระหว่าง 3 - 7 วัน ปริมาณเลือดที่ออกในแต่ละวันไม่ควรเกิน 80 ซีซี หรือเทียบเท่ากับการเปลี่ยนผ้าอนามัย 4 แผ่นต่อวัน (เมื่อแผ่นเต็ม)
หากประจำเดือนขาดหายหรือมาไม่ปกติ อาจมีสาเหตุมาจาก
1. ความเครียด
2. การตั้งครรภ์
3. น้ำหนักตัวเพิ่มหรือลดลงอย่างรวดเร็ว
4. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด
5. วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงอายุ 45 - 55 ปี
โดยทั่วไป หญิงสาวจะเริ่มมีประจำเดือนเมื่ออายุประมาณ 12 ปี แต่หากอายุ 18 ปีแล้วยังไม่มีประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย เช่น การทำงานของฮอร์โมนหรือความผิดปกติของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์
วิธีดูแลและรักษาอาการประจำเดือนไม่มา

ประจำเดือนของผู้หญิงเกิดจากการทำงานของฮอร์โมนจากรังไข่ การใช้ยาคุมกำเนิดอาจช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอได้ แต่หากประจำเดือนขาดเนื่องจากความเครียด ควรหาวิธีคลายเครียด เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมที่ชอบ ท่องเที่ยว หรือพบปะเพื่อนฝูงเพื่อสร้างความผ่อนคลาย
การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือดื่มกาแฟมากเกินไป อาจส่งผลต่อฮอร์โมนและเพิ่มความเครียดได้ ดังนั้น ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เครียด และลดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง นอกจากนี้ หากวางแผนมีบุตรแต่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ต่อไป
แหล่งข้อมูล : เว็บไซต์โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์