หลายปีก่อน เด็กชายวัยรุ่นที่ไม่พอใจในเพศสภาพของตนเองหันไปทำการตัดอัณฑะเพื่อให้ดูเหมือนหญิง จนกลายเป็นข่าวโด่งดังและมีการร้องเรียนตามหาคลินิกที่ให้บริการ “ตัดไข่” กันอย่างคึกคัก
เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี ความเปลี่ยนแปลงของโลกทำให้สิ่งที่เคยต้องการตัดออก กลับกลายเป็นการเสริมอัณฑะเทียมแทน

สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาขาดลูกอัณฑะหนึ่งข้างหรือทั้งสองข้าง การผ่าตัดใส่ลูกอัณฑะเทียม (TESTICULAR IMPLANT) เข้าไปในถุงอัณฑะถือเป็นทางเลือกที่ช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น การมีอัณฑะข้างเดียวอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลและรู้สึกด้อยค่าทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การผ่าตัดนี้ช่วยลดความรู้สึกนั้นและส่งผลดีต่อสภาพจิตใจโดยรวม
การผ่าตัดใส่ลูกอัณฑะเทียมได้รับการทำมาอย่างยาวนานมากกว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถทำได้ จึงถือว่าเป็นการผ่าตัดที่ปลอดภัยและมีโอกาสเกิดปัญหาหลังการผ่าตัดน้อย
การผ่าตัดใส่อัณฑะเทียมมักจะทำในกรณีที่ลูกอัณฑะไม่ลงมาในถุงอัณฑะตั้งแต่แรก หรือมีความจำเป็นต้องตัดออกเพื่อป้องกันมะเร็ง, ภาวะที่ถุงอัณฑะบิดทำให้เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงอัณฑะได้จนต้องตัด, การขาดอัณฑะตั้งแต่กำเนิด, อุบัติเหตุที่ทำให้อัณฑะต้องถูกตัด, หรือมะเร็งของอัณฑะและต่อมลูกหมากที่ทำให้ต้องตัดอัณฑะ, การอักเสบของอัณฑะที่รุนแรงจนต้องตัดทิ้ง, รวมไปถึงผู้ที่เปลี่ยนเพศจากหญิงเป็นชาย หรือการเสริมอัณฑะในผู้ที่มีขนาดอัณฑะเล็กแต่ยังสามารถผลิตฮอร์โมนได้ตามปกติ

การผ่าตัดใส่อัณฑะเทียมเป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน โดยจะใส่ถุงอัณฑะเทียมไว้ที่ด้านหน้าของอัณฑะเดิมที่มีขนาดเล็ก โดยไม่จำเป็นต้องตัดอัณฑะเดิมออก ยกเว้นในกรณีที่มีคำแนะนำจากแพทย์ หลังการผ่าตัดจะได้ถุงอัณฑะที่มีลูกอัณฑะชัดเจน ซึ่งลูกอัณฑะจริงจะอยู่ด้านหลังและยังสามารถผลิตอสุจิและฮอร์โมนได้ตามปกติ
สำหรับผู้ที่มีขนาดลูกอัณฑะปกติ แพทย์ไม่แนะนำให้ทำการเสริมอัณฑะเทียม เพราะไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์
ถุงอัณฑะเทียมมีหลายประเภท เช่น ซิลิโคนที่เป็นแท่งนิ่มและซิลิโคนที่เป็นถุงซึ่งมีสารภายในลักษณะเดียวกับถุงเต้านมเทียม แต่มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน โดยถุงอัณฑะเทียมจะมีผิวเรียบ
ในประเทศไทยมีการนำเข้าถุงอัณฑะเทียมที่เป็นรูปวงรี โดยอัณฑะเทียมจะแตกต่างกันตามสารที่บรรจุภายใน ซึ่งมีสองประเภทหลักๆ คือ ถุงน้ำเกลือและถุงเจล

หลายคนอาจสงสัยว่า อัณฑะเทียมมีขนาดเล็กหรือใหญ่แค่ไหน โดยทั่วไปแล้ว ขนาดของถุงอัณฑะเทียมจะถูกออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับอัณฑะธรรมชาติ และมักมีขนาดให้เลือกประมาณ 4 ขนาด คือ เล็กมาก, เล็ก, กลาง และใหญ่
ในการเลือกขนาดถุงอัณฑะเทียม ถ้าเป็นกรณีผ่าตัดเปลี่ยนแค่ข้างเดียว แพทย์จะเลือกขนาดที่ใกล้เคียงกับอัณฑะข้างที่เหลือ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ หรือในกรณีที่ต้องการเพิ่มขนาดอัณฑะ สามารถเลือกขนาดได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล
การผ่าตัดใส่ถุงอัณฑะเทียมอาจมีความเสี่ยงในการเกิดพังผืดหดรัดได้ ซึ่งเกิดได้คล้ายกับการผ่าตัดใส่ถุงเต้านมเทียม แต่โอกาสที่จะเกิดน้อยกว่าการผ่าตัดเต้านมเทียม หากเกิดพังผืดหดรัดขึ้นจะทำให้รู้สึกเจ็บและตึง ในกรณีที่วางแผนจะมีบุตรอาจต้องเก็บสเปิร์มในธนาคารสเปิร์ม และยังอาจมีภาวะแทรกซ้อนเช่น การติดเชื้อ, แผลแยก, เลือดคั่ง หรือถุงอัณฑะเลื่อนได้

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดใส่ถุงอัณฑะเทียมควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกประเภทของถุงว่าจะเป็นน้ำเกลือหรือเจล พร้อมทั้งเลือกขนาดถุงอัณฑะเทียมโดยต้องตรวจร่างกายและวัดขนาดถุงอัณฑะข้างที่เหลือ การผ่าตัดควรทำเมื่อร่างกายแข็งแรงเพื่อความปลอดภัย
การผ่าตัดสามารถทำได้ทั้งโดยการดมยาสลบหรือการฉีดยาชา แต่โดยทั่วไปมักแนะนำให้ใช้วิธีดมยาสลบ เพราะจะสะดวกและสบายกว่า โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องตัดอัณฑะเนื่องจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรปรึกษาศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าโรคได้รับการรักษาหายแล้วหรือยัง

การผ่าตัดถุงอัณฑะไม่ใช่การผ่าตัดที่ซับซ้อน จึงใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 30-40 นาที หลังจากการผ่าตัด แพทย์อาจใช้ผ้ายืดหรือปลาสเตอร์และผ้าพันแผลเพื่อช่วยยกถุงอัณฑะไม่ให้ตกลงมา เพื่อลดความเจ็บปวด อาจรู้สึกตึงและปวดบริเวณแผลประมาณ 24-48 ชั่วโมง หลังจากนั้นอาการบวมและปวดอาจจะยังคงมีอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์
หลายคนสงสัยว่า การผ่าตัดถุงอัณฑะเทียมจะยังสามารถปัสสาวะได้ตามปกติหรือไม่ คำตอบคือยังคงสามารถปัสสาวะได้ตามปกติ แต่อาจรู้สึกระบมในช่วงแรกๆ ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ ควรรอประมาณ 3-4 สัปดาห์ และอาจต้องใช้ท่าพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้แผลถูกกระทบกระเทือน
