“บ้านอีต่อง” ตั้งอยู่ในตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และมนต์ขลังที่ดึงดูดผู้มาเยือน ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2483 หรือมากกว่า 80 ปีมาแล้ว ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นแหล่งขุดแร่ดีบุกที่เฟื่องฟูมาก
คำว่า “อีต่อง” มาจากคำว่า “ณัตเอ่งต่อง” ที่แปลว่า “ภูเขาแห่งเทพเจ้า” หรืออาจเรียกว่า “ภูเขาเทวดา” ชื่อนี้เกิดจากการที่ชาวพม่าพบแร่บนภูเขานี้ และเมื่อเวลาผ่านไป ชื่อดังกล่าวถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็น “อีต่อง” ตามการออกเสียงที่ผิดเพี้ยน
จากบันทึกต่างๆ ที่มีอยู่ เล่ากันว่าในอดีต บ้านอีต่องเคยมีโรงภาพยนตร์ถึง 2 แห่ง แต่เมื่อเหมืองแร่เริ่มปิดตัวลงและคนงานแยกย้ายกลับบ้าน ความเจริญรุ่งเรืองก็เริ่มลดลง และความเงียบสงบเริ่มเข้ามาแทนที่ จนถึงวันนี้ บ้านอีต่องยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

ที่บ้านอีต่อง เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาชื่นชมธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางบรรยากาศป่าเขาที่เงียบสงบ และตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในพื้นที่ ได้แก่ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก และอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
“บ้านอีต่อง” ถือเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยหมอกปกคลุม และเป็นจุดหมายปลายทางที่หลายคนอยากจะมาสัมผัสสักครั้ง โดยการเดินทางมายังที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องขับรถผ่าน 399 โค้งที่ท้าทาย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเสริมบุญ... สายบุญต้องไม่พลาดการมาเยือน “วัดเหมืองแร่ปิล็อก” หรือ “วัดเหมืองปิล็อก” เพื่อกราบนมัสการ “พระพุทธรัตนศากยมุนี ศรีทองผาภูมิ” ที่นี่ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องมากราบไหว้

ตามความเชื่อ ศรัทธากันว่า พระพุทธรัตนศากยมุนี ศรีทองผาภูมิทรงสามารถพิชิตมารได้ และการมานมัสการท่านจึงเสมือนการเสริมดวงชะตา และขอพรให้ชีวิตมีความสุข สมหวัง และเสริมความแข็งแกร่งในด้านการงาน
การกราบไหว้พระพุทธรัตนศากยมุนี ศรีทองผาภูมิจะนำมาซึ่งความสำเร็จในชีวิตที่ปราศจากปัญหาอุปสรรค และช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
O O O O
ตำนานและความศรัทธาในดินแดน “ปิล็อก” นี้มีเรื่องเล่ามานานแสนนาน และชื่อ “ปิล็อก” เองก็มาจากคำว่า “ผีหลอก” ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเรื่องราวในอดีตที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวจนยากที่จะลืมเลือน
ดินแดนแห่งนี้เคยเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาแสวงโชคและหาทรัพย์สินเงินทอง เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว การเดินทางมายังที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งการปะทะระหว่างผู้คน หรือแม้แต่การต่อสู้กับไข้ป่า และมาลาเรีย
ย้อนกลับไปในช่วงที่ทองคำกิโลกรัมละ 400 บาท แร่ดีบุกที่ปิล็อกก็มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างแพงในสมัยนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป คำว่า “ผีหลอก” ของชาวพม่าเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นคำว่า “ปิล็อก” จนกลายเป็นชื่อเรียกที่คนรู้จักและยังคงใช้เรียกตำบลนี้มาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องเล่าจากคนรุ่นเก่าที่เล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับความตายของผู้คนมากมายที่ทำให้วิญญาณไม่ไปสู่สุคติ แต่กลับยังคงหลงเหลืออยู่ในดินแดนแห่งนี้ และหลายครั้งยังมีการปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นกันอยู่เสมอ
บางคนเล่าว่า...เคยเห็นสิ่งแปลกประหลาดในเหมืองใต้ดิน ขณะเดินนำหน้าหรือเดินตามกันอยู่ดีๆ พอหันมองอีกทีกลับไม่เห็นใครเหลืออยู่เลย หรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบตัวตน หรือบางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะท้อนความทุกข์ใจที่แผ่วเบามาจากที่ไหนสักแห่ง
เมื่อรวมกับอากาศเย็นยะเยือกและหมอกที่หนาทึบยิ่งทำให้บรรยากาศดูน่าหวาดกลัวขึ้นหลายเท่า แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ค่อยมีเรื่องราวลี้ลับในลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องเล่าจากอดีตที่ทำให้ผู้คนระทึกใจอยู่เสมอ
O O O O
“มาร” คือสิ่งที่ทำให้ความดีของเราถูกบดบัง และขัดขวางไม่ให้เราประสบความสำเร็จตามที่หวัง ทำให้ไม่สามารถเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
ไม่ว่าจะเป็นมารภายนอกหรือมารภายใน โดยเฉพาะมารภายใน ซึ่งท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้กล่าวไว้ว่า... “เมื่อชนะมารในใจของตนได้แล้ว มารข้างนอกก็ทำอะไรไม่ได้” ท่านย้ำว่า...ใครต้องเผชิญกับอุปสรรคในใจให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ทรงพิชิตมารด้วยพระบารมี ซึ่งก็คือความดีที่จะช่วยให้เอาชนะใจตนเองและปัญหาต่างๆได้
บางครั้งเราควรตระหนักถึงความแก่และความตายเพื่อช่วยลดความหลงใหลในสิ่งที่ไม่สำคัญและหันมาทำความดี โดยหน้าที่ของเราคือการดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงและปราศจากโรค เพื่อมีชีวิตที่ดีและเต็มไปด้วยประโยชน์ ขณะเดียวกันต้องควบคุมความรักให้มีสติ ไม่ให้มันครอบงำการตัดสินใจของเรา

การชนะที่แท้จริงคือการเอาชนะตนเอง โดยเฉพาะการเอาชนะจิตใจที่มีความอยากไปในทางที่ไม่ดี เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความดีในตัวเองให้มากยิ่งขึ้น การพัฒนาตนเองต้องเริ่มจากจิตใจ เพราะถ้าจิตใจไม่เจริญ การพัฒนาส่วนอื่นๆ ก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
การรักษาเกียรติคือการรักษาคุณธรรมอย่างหนึ่ง การที่เราจะก้าวหน้าไปข้างหน้าหรือถอยหลัง เราต้องคำนึงถึงเกียรติและความดี การทำประโยชน์ทุกอย่างจำเป็นต้องมีการเสียสละบ้าง เช่น การทำทานที่ต้องเสียทรัพย์ส่วนหนึ่งไปเพื่อผู้อื่น

ความเคารพในธรรมทำให้ผู้ใหญ่ได้รับการเคารพจากผู้น้อย และทำให้คนเป็นคนที่ดี หากคนรู้มากแต่ไม่ใช้ความรู้นั้นให้เกิดประโยชน์หรือไม่เคารพในธรรม เขาก็จะไม่สามารถเป็นคนที่ดีได้ คนที่ทำสิ่งผิดหรือทุจริตจะได้รับความทุกข์จากการกระทำของตน ในขณะที่คนสุจริตจะพบความสุขจากการกระทำที่ดีนั้น
พระพุทธศาสนาสอนให้เราเข้าใจและควบคุมกรรม ไม่ใช่ให้เรากลัวกรรมหรือยอมให้กรรมมีอำนาจเหนือชีวิตของเรา
“ศรัทธา”...นำพาให้เกิดปาฏิหาริย์? เชื่อหรือไม่เชื่อ โปรดอย่าพึง... “ลบหลู่”
รัก-ยม