'ลูกรอก' คือ ไส้กรอกไข่ที่มีหมูสับเป็นส่วนประกอบ อาหารโบราณที่หาทานได้ยากในยุคนี้ โดยเฉพาะในหมู่นักชิมรุ่นใหม่หลายคนที่อาจไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อเชื่อมต่อวิถีการทานแบบไทยๆ ให้คงอยู่ เจ๊แซบจึงพานักโซ้ยไปลองที่ร้าน 'ก๋วยเตี๋ยวหมูศรีย่าน' ของ 'เจ๊ยี่' ที่นี่มีลูกรอกเป็นเอกลักษณ์ ใครมาแล้วต้องแวะทานกัน ถึงแม้หน้าร้านจะเน้นก๋วยเตี๋ยว แต่ในชามก็แอบใส่ลูกรอกมาอย่างแนบเนียน (หุหุ)
คนรุ่นเก่ามักจะใส่ลูกรอกในแกงจืด ซดน้ำซุปหวานๆ ที่เด็กๆ ชื่นชอบ เพราะรสชาติคล้ายไข่ตุ๋น แต่ใส่ในไส้หมูและหมูสับทำให้เคี้ยวสนุก แต่ด้วยขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก ลูกรอกจึงค่อยๆ หายไปจากครัวไทยตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม



ขั้นตอนการทำลูกรอกถือเป็นงานที่ท้าทายและต้องใช้ความละเอียด เริ่มต้นด้วยการเลือกไส้หมูคุณภาพดีที่ต้องล้างให้สะอาดที่สุด จนไม่มีเมือกหลงเหลือ เพราะหากล้างไม่สะอาด ไส้หมูจะมีกลิ่นขมซึ่งจะทำให้รสชาติของลูกรอกเสียหาย
หลังจากล้างจนสะอาดแล้ว จะนำไส้หมูมาผสมกับหมูสับ พริกไทย กระเทียม น้ำปลา ซีอิ๊วขาว และน้ำมันหอย ให้เข้ากัน ก่อนจะเติมไข่ไก่และไข่เป็ดลงไป ไข่เป็ดช่วยให้ไส้มีความแข็งตัวและรูปทรงดีขึ้น ขณะที่ไข่ไก่จะทำให้ไส้มีความนุ่มและรสชาติอร่อยมากขึ้น เป็นการผสมผสานตามหลักหยินหยางอย่างสมบูรณ์ (หุหุ)

หลังจากผสมไข่เป็ดและไข่ไก่ให้เข้ากับหมูสับที่ปรุงรสแล้ว จะเทส่วนผสมลงในไส้หมูโดยใช้กรวยเพื่อให้ได้รูปทรงที่ดี เมื่อกรอกเสร็จแล้วจะนำไปต้มจนสุกพอประมาณ จากนั้นจะนำไปนึ่งอีกครั้งประมาณ 45-50 นาทีจนได้ลูกรอกที่พร้อมทาน
ในแต่ละวันเจ๊ยี่จะทำลูกรอกประมาณ 50-60 กิโลกรัม ถ้ามีออร์เดอร์พิเศษก็จะเพิ่มปริมาณขึ้น แต่เจ๊ไม่รับออร์เดอร์เกินกำลัง ลูกรอกของที่นี่มีลูกค้าประจำมากมายทั้งรุ่นใหญ่ที่ฝากท้องมานาน และรุ่นลูกหลานที่ติดใจหลังจากมากินกับผู้ใหญ่แล้ว นอกจากนี้ เด็กวัยรุ่นที่เคยลองก็ชื่นชอบกันมาก บางทีถ้าลูกรอกหมดก็จะกลับบ้านไปเลย เจ๊ยี่หัวเราะร่วนด้วยความอารมณ์ดี
นอกจากลูกรอกแล้ว 'หนังปลาทอดกรอบ' ของร้านนี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เจ๊ยี่ลงมือทำเองทุกขั้นตอนโดยเลือกปลาน้ำลึกตัวโตๆ มาทำลูกชิ้นปลา แล้วใช้หนังปลามาทอดจนกรอบ ทานคู่กับน้ำพริกเผาทำเองอร่อยมากๆ!!

ทั้ง 'ลูกรอก' และ 'หนังปลาทอด' ถือเป็นของว่างที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านเจ๊ยี่มายาวนาน แม้ว่าร้านจะเล็กและมีที่นั่งไม่กี่โต๊ะ แต่เสน่ห์ของร้านก็ทำให้ยังคงยืนหยัดมาหลายสิบปี เจ๊ยี่บอกว่า ถ้าหมดรุ่นของเธอไปแล้ว ทั้งลูกรอกและก๋วยเตี๋ยวคงไม่มีใครรับช่วงต่อ เพราะน้องๆ ของเธอล้วนเรียนจบสายอาชีพที่ไม่เกี่ยวกับร้าน แต่เจ๊ยี่ตั้งใจที่จะทำร้านนี้ต่อไปจนถึงที่สุด พร้อมกับการยืนยันเสียงแข็งว่าจะรักษาความแซ่บในแบบฉบับของตัวเองไว้
สงกรานต์ปีนี้ ใครที่อยู่กรุงเทพฯ เจ๊แซบแนะนำให้หอบลูกจูงหลานและผู้ใหญ่ไปลอง 'ก๋วยเตี๋ยวหมูศรีย่าน' นอกจากลูกรอกและหนังปลาทอดแล้ว ยังมี 'เมนูต้มยำ' ที่ทั้งน้ำและแห้งแซ่บถึงใจ หรือ 'บะหมี่เกี๊ยวน้ำ' ที่น้ำซุปหวานชื่นใจ หรือ 'เกี๊ยวมี่น้ำ' ก็เป็นเมนูที่เจ๊แซบแนะนำให้ลอง

ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูศรีย่าน ตั้งอยู่บนถนนนครไชยศรี ข้างธนาคารกรุงไทย ร้านจะหยุดทุกวันพุธ ส่วนวันอื่นเปิดขายตลอดไม่มีหยุด แม้กระทั่งในช่วงสงกรานต์ใครจะสาดน้ำ เจ๊ยี่ก็ไม่หยุด ร้านเปิดตั้งแต่เช้า 7 โมงครึ่งและปิดตอนเย็นประมาณ 5 โมงครึ่ง ร้านมีขนาดเล็กและมีโต๊ะน้อย ทางร้านทำของขายแค่พอเหมาะพอควร ดังนั้น หากต้องการความมั่นใจแนะนำให้โทร. 0-2243-3747 หรือ 0-2243-1839 ก่อนมาที่ร้าน เพื่อไม่ให้ต้องเสียเที่ยว
สุดท้ายนี้ ก่อนจบ เจ๊แซบขอแก้ไขข้อมูลจากสัปดาห์ก่อนเกี่ยวกับเจ้าของร้านบะหมี่หัวโต ชื่อ 'เจ๊หวา' ที่เขียนผิดไป ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้!!
เจ๊แซบ หัวเขียว